ยานยนต์.net
  • หน้าแรก
  • ข่าวสาร
  • รถยอดฮิต
  • รีวิวรถ
  • บทความแนะนำ
@2021 - All Right Reserved. Designed and Developed by ยานยนต์.net
Category:

บทความแนะนำ

บทความแนะนำ

5 ประเภทของประกันภัยรถยนต์ ควรรู้

by yanyon 31 ธันวาคม 2021
written by yanyon

รถยนต์เป็นยานพาหนะที่ต้องวิ่งอยู่บนท้องถนนซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะที่ต้องใช้ร่วมกับผู้อื่น แน่นอนว่าย่อมอาจเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝัน เช่น อุบัติเหตุ ซึ่งการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่ เบื้องต้นเราขับขี่ด้วยความไม่ประมาท แต่นั่นก็อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการสร้างหลักประกันความเสี่ยงเพื่อลดความเสียหายจากอุบัติเหตุด้วยการทำ ประกันภัยรถยนต์ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

ประกันภัยรถยนต์

ทำความรู้จักกับประกันภัยรถยนต์

แน่นอนว่าประกันภัยเบื้องต้นที่รถทุกคันจำเป็นต้องทำตามที่กฎหมายกำหนดคือประกันภัยภาคบังคับหรือทีเราเรียกกันสั้น ๆ ว่าการทำ ประกันภัย รถยนต์ ตาม พ.ร.บ. แต่นอกเหนือจากประกันภัยภาคบังคับแล้ว บริษัทประกันอุบัติภัยยังมีประกันให้เราเลือกเพิ่มเติมอีก 5 ประเภทด้วยกัน ซึ่งเราสามารถซื้อประกันต่างหากได้ตามความสมัครใจ ประกอบไปด้วย

ประกันภัยประเภทที่ 1 

เป็นการประกันภัยที่ครอบคลุมความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้มากที่สุด เนื่องจากประกันประเภทนี้จะคุ้มครองทั้งรถและทรัพย์สินของผู้ทำประกัน ในกรณีที่รถและทรัพย์สินของคู่กรณีได้รับบาดเจ็บทางร่างกายผู้ทำประกันและคู่กรณีจะได้การคุ้มครองรวมไปถึงกรณีรถหายหรือไฟไหม้อีกด้วย

ประกันภัยประเภทที่ 2 

ประกันภัยประเภทนี้ให้ความคุ้มครองเกือบเทียบเท่าประกันชั้นหนึ่งยกเว้นก็แต่ไม่คุ้มครองความเสียหายรถของผู้ทำประกันภัยเท่านั้นเอง

ประกันภัยประเภทที่ 3 

สำหรับประกันรถยนต์ประเภทนี้ เน้นคุ้มครองความเสียหายของคู่กรณีทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นหลัก โดยไม่คุ้มครองความเสียหายรถของผู้ทำประกัน ยกเว้นผู้โดยสารในรถที่ทำประกันยังได้รับความคุ้มครองจากประกันประเภทนี้อยู่ 

ประกันภัยรถยนต์

ประกันภัยประเภทที่ 4 

ประกันภัยประเภทนี้เป็นประกันภัยประเภทที่จำกัดความรับผิดชอบเฉพาะกับบุคคลภายนอกหรือคู่กรณีในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท 

ประกันภัยประเภทที่ 5 

ประกันภัยนี้เป็นแบบประกันภัยที่ออกมาใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ทำประกันที่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับการทำประกันภัยประเภทที่สองและสาม โดยจะเรียกว่าประกันภัย 2+ คือความคุ้มครองหลัก ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองเหมือนกับประกันภัยประเภทที่ 2 ทุกประการ แตกต่างเพียงเพิ่มความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้ทำประกัน ในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุร่วมกับยานพาหนะทางบกที่ต้องมีพยานหลักฐานและคู่กรณีที่ชัดเจน สำหรับการประกันภัยประเภทย่อยที่เรียกว่า 3+ ก็เช่นเดียวกัน คือความคุ้มครองหลักเหมือนกับประกันภัยชั้น 3 ทุกประการ โดยเพิ่มความคุ้มครองรถยนต์ของผู้ทำประกันในกรณีประสบอุบัติเหตุร่วมกับยานพาหนะทางบก ต้องพบหลักฐานและมีคู่กรณีด้วยเช่นกันการทำ ประกันภัย รถยนต์ ถือว่าเป็นการบริหารความเสี่ยงที่คุ้มค่าเพราะทั้งรถยนต์และชีวิตของทุกคนไม่ว่าผู้ทำประกันเองหรือคู่กรณีล้วนเป็นสิ่งที่มีค่าทั้งนั้น เนื่องจากความเสียหายที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นควรมีอะไรสักอย่างมารองรับ อย่างน้อยก็เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับทุกคนบนท้องถนนได้ระดับหนึ่ง

อ่านเพิ่มเติม: เวลาในการเปลี่ยนยางรถยนต์ สังเกตได้ง่าย ๆ จาก 5 สัญญาณเตือน!

31 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

เวลาใน การเปลี่ยนยางรถยนต์ สังเกตได้ง่าย ๆ จาก 5 สัญญาณเตือน!

by yanyon 30 ธันวาคม 2021
written by yanyon
การเปลี่ยนยางรถยนต์

  เพื่อป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนตลอดจนเหตุสุดวิสัยที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เราจึงจำเป็นต้องให้ความสนใจและคำนึงถึงเรื่อง การเปลี่ยนยางรถยนต์ ให้ได้อยู่เสมอ ซึ่งต้องเปลี่ยนทุก ๆ 50,000 กิโลเมตรหรือประมาณ 3-5 ปีต่อครั้ง ทว่าในกรณีที่ต้องเปลี่ยนยางรถยนต์แบบฉับพลัน

เราสามารถตรวจสอบได้จาก 5 สัญญาณเตือนดังต่อไปนี้

การเปลี่ยนยางรถยนต์

ดอกยางสึก

       หนึ่งในสัญญาณเตือนที่บ่งบอกเราจำเป็นต้องทำ การเปลี่ยน ยางรถยนต์ โดยด่วนคือดอกยางสึก ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากการนำเหรียญบาทไปเสียบในร่องยาง ซึ่งร่องยางต้องมีความลึกไม่น้อยกว่าครึ่งของเหรียญหรือประมาณ 1.5 มิลลิเมตร เนื่องจากความลึกนี้ส่งผลโดยตรงกับการรีดน้ำออกของยางรถยนต์ หากทำได้ไม่ดี อาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุในภายหลังได้

ยางบวม

      ยางรถยนต์ที่หมดสภาพมักมีอาการบวมที่แก้มยางและหน้ายาง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนให้เราต้องเปลี่ยนยางใหม่ในทันที เพราะหากปล่อยไว้อาจนำมาซึ่งการระเบิดในกรณีที่ขับขี่รถด้วยความเร็ว นอกจากนี้เรายังสามารถสังเกตได้จาก การสั่นของพวงมาลัยในกรณีที่ขับด้วยความเร็ว หรือตัวรถสั่นสะท้านทั้งคันแม้จะตั้งศูนย์ถ่วงใหม่แล้ว หากเกิดกรณีดังกล่าวควรเร่งเปลี่ยนยางใหม่ในทันที

การเปลี่ยนยางรถยนต์

ยางฉีกขาด

      ในกรณีที่ยางฉีกขาดไม่ว่าจะเป็นยางหน้าหรือยังหลังเราจำเป็นจะต้องเปลี่ยนในทันที เนื่องจากการฉีกขาดของยางเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่ายางรถยนต์ของเราเสื่อมสภาพและหมดอายุการใช้งานแล้ว นอกจากนี้เรายังจำเป็นต้องตรวจเช็คสภาพยางเส้นอื่น ๆ เพื่อป้องกันปัญหาและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากยางระหว่างการขับขี่ด้วย

ยางแตกลายงา

       แม้ในปัจจุบันยางจะถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีความทนทานและแข็งแรง ตลอดจนดอกยางสึกหรอน้อยลง ทว่ายางรถยนต์ล้วนมีอายุของการใช้งาน ซึ่งเราจำเป็นต้องสังเกตยางรถยนต์ให้ดี หากเกิดรอยแตกลายงาหรือรอยย่นขึ้นบนยาง นั้นถือเป็นสัญญาณเตือนว่ายางเสื่อมสภาพจำเป็นจะต้องเปลี่ยนยางเส้นใหม่แล้ว

ใช้งานยางนานกว่า 3 ปี 

      ด้วยเหตุที่ยางมีอายุการใช้งานไม่เกิน 4 ปี เนื่องจากสภาพอากาศและถนนที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอโดยเราสามารถตรวจสอบอายุของยางได้จากใบแจ้งการผลิตยางอาทิ 0317 หมายถึงยางเส้นนี้ถูกผลิตขึ้นในเดือน 3 ปี 2017 จากนั้นนำมาเปรียบเทียบกับปีในปัจจุบัน หากเกิน 3 ปีขึ้นไปควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่เพื่อความปลอดภัยระหว่างการใช้รถใช้ถนน
       ในปัจจุบันมีนวัตกรรมมากมายที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ยางรถยนต์สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทว่ายางรถยนต์ล้วนแล้วแต่มีอายุการใช้งานที่ถูกกำหนดมาแล้วทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยน ยางรถยนต์ และการสังเกตยางรถยนต์ที่เราใช้อยู่เสมอ จึงจะช่วยทำให้รถยนต์ของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดจนเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนมากยิ่งขึ้นด้วย

อ่านเพิ่มเติม: เทคนิคการขับรถ เบื้องต้นอย่างปลอดภัย

30 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

เทคนิคการขับรถ เบื้องต้นอย่างปลอดภัย

by yanyon 29 ธันวาคม 2021
written by yanyon
เทคนิคการขับรถ

เมื่อพูดถึงการขับขี่บนท้องถนน โดยเฉพาะรถยนต์ สิ่งสำคัญที่สุดที่ทุกคนต้องคำนึงถึงอยู่เสมอคือเรื่องของความปลอดภัยในการขับขี่ สำหรับ เทคนิคการขับรถ เบื้องต้นอย่างปลอดภัย ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับคนที่มีรถเป็นของตนเอง ตลอดจนคนที่มีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ยานพาหนะ จำเป็นต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ

เทคนิคการขับรถเบื้องต้นอย่างปลอดภัยดังต่อไปนี้

เทคนิคการขับรถ

รู้จักรถให้ดีเสียก่อน

       สำหรับ เทคนิค การขับรถ ที่สำคัญคือเราต้องทำความรู้จักกับอุปกรณ์การควบคุมรถให้ดีเสียก่อน ทั้งต้องทราบว่ารถคันนี้ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงแบบไหน เป็นเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ ปุ่มคอนโทรลสัญญาณต่าง ๆ อยู่ตรงไหน รวมทั้งต้องทราบว่าไฟสัญญาณเตือนต่าง ๆ มีหมายความว่าอย่างไร รวมถึงทราบวิธีตรวจเช็ครถเบื้องต้นก่อนออกเดินทาง เช่นระดับน้ำมันเครื่อง ระดับน้ำในหม้อน้ำระบายความร้อน ระดับน้ำกลั่นในหม้อแบตเตอรี่ และระดับประจุไฟฟ้าคงเหลือ เพื่อให้การขับขี่บนท้องถนนของเราปลอดภัยไร้กังวลมากยิ่งขึ้น

รู้กฎจราจร

       สิ่งสำคัญลำดับถัดมาที่ผู้ขับรถทุกคนควรทราบคือกฎจราจรบนท้องถนน เราควรศึกษาเกี่ยวกับป้ายอาณัติสัญญาณต่าง ๆ อาทิ ป้ายห้าม ป้ายบอกทาง เพื่อให้เราขับขี่ได้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย ซึ่งจะทำให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่ในเบื้องต้น

เทคนิคการขับรถ

รู้มารยาทในการขับรถ

       มารยาทในการใช้รถใช้ถนนเป็นสิ่งที่หลายคนไม่ได้เรียนรู้ก่อนเริ่มขับรถบนท้องถนน ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราทราบว่าเราควรขับขี่ร่วมกับรถของผู้สัญจรท่านอื่น ๆ อย่างไรจึงจะปลอดภัยบนท้องถนน อาทิ เมื่อใดควรแซง เมื่อใดควรหลบหลีกทางให้รถคันอื่น เป็นต้น

ร่างกายต้องพร้อมก่อนขับรถ

      ความพร้อมของร่างกายผู้ขับขี่คือ เทคนิคการขับขี่เบื้องต้นที่จะทำให้เกิดความปลอดภัย เนื่องจากเราคือผู้ควบคุมรถ หากร่างกายของผู้ควบคุมรถไม่มีความพร้อม อันตรายจากการขับขี่ย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ทุกสถานการณ์ เราจึงต้องสำรวจตัวเอง และคำนึงทุกครั้งก่อนขับขี่ว่า ง่วงไม่ขับ เมาไม่ขับ และสติไม่มีอย่าขับ 

รู้จักเส้นทางการขับขี่

      คำว่ารู้จักเส้นทางการขับขี่ คือเราต้องเข้าใจเรื่องของเส้นทางหลัก เส้นทางรอง รวมไปถึงสภาพความหนาแน่นของการจราจรในเส้นทางดังกล่าว เพื่อที่เราจะได้วางแผนล่วงหน้าทั้งเรื่องของเส้นทาง ความเร็ว การหยุดพัก เป็นต้น การรู้จักเส้นทางจึงถือเป็นเทคนิคการขับขี่รถเบื้องต้นที่เราควรทราบเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนมากยิ่งขึ้น ทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมาถือเป็น เทคนิค การขับรถ บนท้องถนนเบื้องต้น เพื่อให้เกิดความปลอดภัย หากสังเกตดูจะพบว่า เกือบทุกข้อคือการเตรียมตัวที่ดีก่อนจะขับขี่รถบนท้องถนน เพราะการบังคับรถไม่ใช่เรื่องยาก แต่การสร้างความพร้อมก่อนที่จะออกเดินทางบนท้องถนนจริง ๆ ต่างหากที่ยากและสำคัญกว่า

อ่านเพิ่มเติม: 5 สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ ที่เมื่อแสดงขึ้นมา เราควรจอดรถในทันที!

29 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

5 สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ ที่เมื่อแสดงขึ้นมา เราควรจอดรถในทันที!

by yanyon 28 ธันวาคม 2021
written by yanyon
สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์

สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ แต่ละรุ่นนั้นมีสัญลักษณ์และรูปแบบการเตือนที่แตกต่างกันไป ทว่าทุกสัญลักษณ์ล้วนแล้วแต่แสดงออกผ่านสีอาทิ สีแดงหมายถึงอันตราย สีเขียวหมายถึงใช้งานได้ปกติและสีเหลืองเตือนให้เราระวังควรดำเนินการตรวจสอบ  ซึ่งในวันนี้เรานำ 5 สัญลักษณ์ที่สำคัญเมื่อแสดงบนหน้าปัดรถยนต์เป็นสีแดงควรจอดเพื่อป้องกันอันตราย

สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์

สัญลักษณ์ไฟเตือน หน้าปัดรถยนต์ มีอะไรบ้าง

ไฟเตือนระบบเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ

       โดยปกติ สัญลักษณ์ไฟเตือน หน้าปัดรถยนต์ ที่แสดงสัญลักษณ์เพื่อเตือนเกี่ยวกับระบบเครื่องยนต์นั้น จะแสดงขึ้นมาเพียงครู่เดียวและดับไป ทว่าหากเราใช้รถบนท้องถนน แล้วสัญลักษณ์ไฟเตือนนี้แสดงขึ้นบนแผงหน้าปัดรถยนต์ นั่นหมายความว่าตัวเครื่องยนต์ของเรามีปัญหาควรนำรถเข้าจอดที่ปลอดภัย เพื่อหลีกเลี่ยงการเร่งเครื่อง และโทรแจ้งศูนย์บริการซ่อมรถให้มาตรวจสอบรถยนต์ของเราโดยด่วน

แบตเตอรี่มีปัญหา

      หากมีสัญลักษณ์รูปแบตเตอรี่แสดงขึ้นบนแผงหน้าปัดรถยนต์ หมายถึงระบบไดชาร์ทของแบตเตอรี่ทำงานไม่ปกติ ตลอดจนแสดงถึงระดับไฟของแบตเตอรี่ทำงานได้ช้าลง ซึ่งหากปล่อยไว้รถยนต์อาจดับและอาจเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้ ด้วยเหตุนี้เราจึงควรรีบโทรแจ้งศูนย์บริการซ่อมรถ ตลอดจนหมั่นตรวจเช็คระยะการใช้แบตเตอรี่อยู่เสมอ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการใช้งาน

สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์

ไฟเตือนเกียร์อัตโนมัติมีปัญหา

      ไฟเตือนเกียร์อัตโนมัติมักจะแสดงขึ้นทุกครั้งเมื่ออุณหภูมิของน้ำมันเกียร์พุ่งสูงกว่าปกติ ซึ่งหากระบบเกียร์มีปัญหานอกจากจะนำมาซึ่งอุบัติเหตุ ตลอดจนการเปลี่ยนและซ่อมแซมระบบเกียร์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นเมื่อสัญญาลักษณ์แสดงขึ้นและรถของเรามีอาการกระตุกหรือเข้าเกียร์แล้วพวงมาลัยสั่น ควรนำรถเข้าจอดที่ปลอดภัยและโทรแจ้งศูนย์ซ่อมรถทันที

ไฟเตือนอุณหภูมิเครื่องยนต์ 

      หากสัญลักษณ์นี้แสดงขึ้นเป็นสีแดง บ่งบอกถึงอุณหภูมิรถยนต์สูงเกินไป มักเกิดขึ้นระหว่างการขับขี่รถเป็นระยะเวลานาน ตลอดจนแจ้งเตือนเพื่อให้เราขับขี่รถช้าลง เพื่อลดอุณหภูมิเครื่องยนต์ไม่ให้ทำงานหนักหรือร้อนจนเกินไป ทางที่ดีเราควรหาที่จอดรถเพื่อพักรถรอให้เครื่องยนต์เย็นลง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุระหว่างการขับรถขี่

เตือนความดันน้ำมันเครื่องต่ำ

       เมื่อสัญลักษณ์นี้แสดงขึ้น หมายถึงน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับต่ำเกินไป หากน้ำมันเครื่องมีปริมาณน้อยเกินไปจะไม่เพียงพอต่อการหมุนเวียน ตลอดจนสื่อถึงการรั่วซึมภายในระบบเครื่องยนต์ ควรจอดรถเพื่อตรวจเช็คน้ำมันเครื่องหรือเติมน้ำมันเครื่องให้เรียบร้อย หากกรณีที่สัญลักษณ์ยังคงอยู่หมายถึงหัวปั๊มอาจมีปัญหาควรโทรแจ้งศูนย์ซ่อมรถเพื่อดำเนินการแก้ไข
สัญลักษณ์ไฟเตือน หน้าปัดรถยนต์ เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่จะทำให้เราขับขี่รถบนท้องถนนได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากสัญลักษณ์ไฟเตือนขึ้นเป็นสีแดงหรือสีเหลืองนั่นหมายถึงเราจำเป็นจะต้องตรวจเช็คระบบเครื่องยนต์เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการขับขี่บนท้องถนนนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม: 5 วิธีตรวจเช็ครถก่อนเดินทางไกล ช่วงปีใหม่

28 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

5 วิธีตรวจเช็ครถก่อนเดินทางไกล ช่วงปีใหม่

by yanyon 27 ธันวาคม 2021
written by yanyon

ปีใหม่นี้ หลายครอบครัวคงเตรียมตัวออกเดินทาง อาจเป็นการเดินทางกลับต่างจังหวัดหรือเดินทางท่องเที่ยวในไทย ซึ่งวิธีการเดินทางที่เป็นที่นิยมที่สุดในช่วงโควิดยังไม่หายไปนี้ก็คือการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว และเพื่อให้เราเดินทางได้อย่างปลอดภัย การศึกษา วิธีตรวจเช็ครถก่อนเดินทาง อย่างถูกต้องจึงเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุด

ตรวจเช็ครถก่อนเดินทาง
ที่มาภาพ: freepik.com

มีอะไรบ้างที่เราต้องตรวจเช็คก่อนออกเดินทางมาดูกัน

สภาพเครื่องยนต์

สิ่งแรกที่เราต้องตรวจเช็คก็คือ สภาพความพร้อมของเครื่องยนต์ เพราะรถจำนวนไม่น้อยมักใช้งานเพื่อเดินทางระยะทางใกล้ ๆ เท่านั้น อีกทั้งยังไม่ค่อยได้ขับขี่ระยะทางไกลแบบต่อเนื่องสักเท่าไร ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องรู้ วิธีตรวจเช็ครถก่อนเดินทาง โดยสิ่งที่จำเป็นต้องดูในเบื้องต้นคือ ระดับน้ำมันเครื่อง เสียงของโซ่ สายพานต่าง ๆ เพื่อให้เครื่องยนต์ของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ยางรถยนต์

เรื่องนี้มีความสำคัญไม่แพ้เครื่องยนต์เช่นกัน เพราะสภาพของยางรถยนต์ ที่ดีควรมีสภาพที่พร้อมและมีประสิทธิภาพดีพอที่จะใช้ขับขี่ในระยะทางไกลได้ เราจึงควรวัดลมยาง ตรวจสภาพความแข็งของเนื้อยาง และร่องรอยการชำรุดต่าง ๆ รวมไปถึงความแน่นของน็อตล้อ โดยสิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือ สภาพความพร้อมของยางอะไหล่และอุปกรณ์เปลี่ยนยาง เพื่อป้องกันปัญหาหากเกิดกรณียางรั่วระหว่างการเดินทาง

ตรวจเช็ครถก่อนเดินทาง
ที่มาภาพ: freepik.com

ระบบปรับอากาศ

บ้านเราเป็นเมืองร้อน และรถยนต์บ้านเราก็ถูกออกแบบมาให้ใช้คู่กับเครื่องปรับอากาศ ดังนั้นเรื่องของระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำการตรวจเช็คก่อนเดินทางไกลเสมอ อาทิ ระดับน้ำยาแอร์ การรั่วซึม สภาพคอมเพรสเซอร์ รวมทั้งพัดลมระบายความร้อนต่าง ๆ 

ช่วงล่างของรถยนต์

โดยปกติ ช่วงล่างของรถยนต์เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสนใจ หากยังไม่พบสัญญาณผิดปกติอะไรขึ้นมา แต่สำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อเดินทางไกล การตรวจสอบช่วงล่างของรถเป็นหนึ่งใน วิธีตรวจเช็ครถที่สำคัญมาก ๆ การตรวจสอบการตั้งศูนย์ล้อ สภาพของแหนบ โช้คอัพ น็อตยึดส่วนต่าง ๆ ของช่วงล่างก็มีความสำคัญอย่างมาก สำหรับรถที่ต้องใช้เดินทางไกล ๆ 

ระบบไฟฟ้า

การตรวจระบบไฟฟ้าถือเป็นเรื่องสำคัญ อาทิ ไฟสัญญาณ ไฟส่องสว่าง รวมทั้งไฟเตือนต่าง ๆ เพราะว่าการขับรถระยะทางไกล ๆ บางครั้งเราอาจต้องเดินทางในช่วงเวลากลางคืนซึ่งไฟส่องสว่างมีความจำเป็นมาก ๆ  เราจึงไม่ควรมองข้ามเรื่องนี้โดยเด็ดขาดทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมาคือ เทคนิค วิธีตรวจเช็ครถ ก่อนเดินทางไกลในช่วงปีใหม่ที่อยากแนะนำ ซึ่งยังมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราควรตรวจสอบเพิ่มเติมก่อนออกเดินทางเช่น สภาพใบปัดน้ำฝน น้ำในหม้อพัก กรองอากาศรวมไปถึงทะเบียนรถและใบขับขี่ของเราด้วย หากเราทำได้ทั้งหมดตามนี้ รับรองได้ว่าจะเกิดความปลอดภัยในการเดินทางอย่างแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม: ประหยัดน้ำมัน 5 เคล็ด(ไม่)ลับ เติมน้ำมันแบบไหนคุ้ม

27 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

5 วิธีตรวจเช็ครถก่อนเดินทาง เพื่อความสบายใจทั้งผู้ขับและผู้นั่ง

by yanyon 26 ธันวาคม 2021
written by yanyon
เช็ครถก่อนเดินทาง

        เมื่อถึงวันหยุด เราต่างพาครอบครัวหรือคนที่เรารักไปเที่ยว หรือแม้แต่การเดินทางไปทำงาน ด้วยเหตุนี้คุณจึงศึกษา วิธีตรวจเช็ครถก่อนเดินทาง เบื้องต้นเพื่อตรวจเช็ครถทุกครั้ง เพราะหากละเลยระหว่างการเดินทาง รถของคุณอาจเกิดปัญหาต่าง ๆ ได้ และยิ่งคุณพาครอบครัวหรือคนที่เรารักไปเที่ยวด้วยแล้ว จะทำให้การเดินทางหมดความสนุกทันที

เช็ครถก่อนเดินทาง
ที่มาภาพ: https://unsplash.com/photos/Fy1USiu0SbA

สำหรับจุดที่ต้องตรวจเช็ครถก่อนเดินทางทุกครั้งมีดังนี้

  1. แบตเตอรี่รถยนต์ 

หนึ่งใน วิธีตรวจเช็ครถ ก่อนเดินทาง ที่สำคัญที่สุดคือการตรวจดูว่าแบตเตอรี่รถยนต์อยู่ในสภาพสมบูรณ์ดีหรือไม่ มีคราบขี้เกลือหรือไม่ หากมีคุณควรเช็ดทำความสะอาด และควรตรวจเช็คด้วยว่าแบตเตอรี่หมดอายุการใช้งานแล้วยังเพื่อให้การใช้งานรถและการเดินทางปลอดภัยและราบรื่นจนถึงปลายทาง

  1. ล้อและยางรถยนต์ 

หากมีรอยรั้ว, ยางแบน, ยางแตก น็อตล้อขาดหายหรือไม่แน่น คุณต้องแก้ไขก่อนออกเดินทางโดยด่วน เนื่องจากปัญหาดังกล่าวอาจสร้างปัญหาระหว่างการเดินทาง ตลอดจนอาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุได้ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นเช่นกัน

  1. การตรวจเช็คช่วงล่าง

แม้การตรวจเช็คช่วงล่างของรถจะเป็นเรื่องที่ยากสักหน่อย โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง ด้วยเหตุนี้เราจึงควรศึกษาวิธีตรวจเช็ครถเบื้องต้นให้ดี หรือหากไม่สามารถทำได้ ก็ควรนำรถไปให้ช่างที่มีความชำนาญตรวจสอบก่อนออกเดินทาง สำหรับคุณผู้ชายที่สามารถทำได้ ก็ต้องทำอย่างใจเย็นและระมัดระวัง เพราะหากมีงูอยู่ในช่วงล่างรถ คุณอาจได้รับอันตรายได้

เช็ครถก่อนเดินทาง
ที่มาภาพ: https://unsplash.com/photos/OU9_C1tyCe4
  1. ระบบเบรก 

ถือเป็นส่วนที่สำคัญมากในการเดินทาง คุณควรเช็คระบบเบรกว่ามีปัญหาหรือไม่ หากเบรก ติด ๆ ขัด ๆ เบรกไม่ค่อยอยู่ อาจนำมาซึ่งปัญหาในภายหลังได้ ควรรับนำรถเข้าอู่ซ่อมรถ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้หรือฝืนขับรถในขณะที่เบรกมีปีปัญหาโดยเด็ดขาด

  1. ระบบไฟที่ส่องสว่าง 

แน่นอนว่าการเดินทางต้องพึ่งแสงไฟเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นไฟบนท้องถนนหรือไฟจากรถของคุณเองล้วนแล้วแต่จำเป็นต่อการขับขี่อย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้เราจึงควรตรวจเช็คระบบไฟให้ดีอยู่เสมอ ทั้งไฟเลี้ยว, ไฟตัดหมอก, ไฟหน้าสูงต่ำ หรือไฟท้ายรถ ว่าไฟแต่ละตำแหน่งทำงานได้ปกติดีหรือไม่ ไฟมัว ไฟติด ๆ ดับ ๆ จุดไหนบ้าง หากมีปัญหาคุณควรให้ช่างดำเนินการแก้ไข หรือถ้าคุณสามารถแก้ไขได้เองก็จะช่วยประหยัดค่าซ่อมรถได้ประมาณหนึ่งเลย

        ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง เราควรใส่ใจเรื่องการตรวจเช็ครถทุกครั้ง และไม่ควรปล่อยปัญหาทิ้งไว้ เพราะจะเป็นอันตรายต่อตัวคุณและคนรอบข้างได้ เนื่องจากปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามองข้ามมักนำมาซึ่งความสูญเสียไม่ขาดฝัน ตลอดจนทำให้คนที่เรารักเป็นห่วง เพราะเหตุนี้คุณจึงควรศึกษา วิธีตรวจเช็ครถ ก่อนเดินทาง 

อ่านเพิ่มเติม: ประหยัดน้ำมัน 5 เคล็ด(ไม่)ลับ เติมน้ำมันแบบไหนคุ้ม

26 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

ประหยัดน้ำมัน 5 เคล็ด(ไม่)ลับ เติมน้ำมันแบบไหนคุ้ม

by yanyon 25 ธันวาคม 2021
written by yanyon
ประหยัดน้ำมัน

ในยุคปัจจุบันยานพาหนะเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่จะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้การ เติมน้ำมันแบบไหนถึงประหยัดน้ำมัน จึงเป็นหนึ่งในเรื่องที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเป็นหนึ่งในวิธีถนอมเครื่องยนต์ให้สามารถใช้งานได้นานมากยิ่งขึ้นด้วย

ประหยัดน้ำมัน

ซึ่งเราสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

1.เติมน้ำมันให้เกินครึ่งถังเสมอ

       เพราะการ เติมน้ำมันแบบไหนถึงประหยัด เกี่ยวของกับปริมาณของน้ำมันที่เราเติมโดยตรง เนื่องจากปริมาณน้ำมันหากใกล้หมดถัง พื้นที่ตัวถังที่เหลืออยู่จะทำให้น้ำมันระเหยกลายเป็นไอได้ง่ายและเร็วขึ้น ทว่าหากเติมน้ำมันจนล้นถังก็จะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ได้เช่นกัน ดังนั้นการเติมน้ำมันให้อยู่ในปริมาณ ¾ ของตัวถังจึงเป็นปริมาณที่เหมาะสมและประหยัดที่สุด

2.เติมน้ำมันใน”เวลากลางคืน”

      หากกล่าวถึงวิธีการเติมน้ำมันแบบไหนถึงประหยัดคงไม่พูดถึงเวลาในการเติมน้ำมันไม่ได้ เนื่องจากเวลาในการเติมนั้นช่วยทำให้เราเติมน้ำมันได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งเวลาที่แนะนำคือเวลากลางคืน ด้วยเหตุที่เวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาที่น้ำมันจะมีการควบแน่นสูง ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันที่เราจะได้รับนั้นมีโอกาสในการระเหยน้อย ความคุ้มค่ากับปริมาณน้ำมันที่ได้รับจึงมากกว่าเวลาในช่วงอื่น ๆ 

ประหยัดน้ำมัน

3.ไม่ควรเติมน้ำมันในปั๊มที่มีรถส่งน้ำมันจอดอยู่

       เหตุที่เราไม่ควรเติมน้ำมันในปั๊มที่มีรถส่งน้ำมันกำลังทำงานอยู่ เนื่องจากในเวลาที่รถส่งน้ำมันกำลังจ่ายน้ำมันลงถังใต้ดินตะกอนของน้ำมันจะลอยขึ้น ซึ่งหากเราเติมน้ำมันในเวลานั้นตะกอนดังกล่าวจะลอยเข้าสู่ถังน้ำมันเครื่องยนต์ของเรา อาจส่งผลเสียต่อระบบเครื่องยนต์ได้

4.แจ้งพนักงานปั๊มน้ำมัน ปรับหัวจ่ายนำมัน ให้ทำงานช้าลง

      ด้วยเหตุที่น้ำมันระเหยกลายเป็นไอได้ง่าย ซึ่งอาจส่งผลทำให้น้ำมันไหลย้อนกลับสู่เครื่องจ่ายน้ำมัน ทว่าเราสามารถแก้ไขได้ด้วยการแจ้งให้พนักงานปั๊มค่อย ๆ จ่ายน้ำมันช้า ๆ ตลอดจน เลือกเข้าปั๊มน้ำมันที่มีมาตรฐานหัวจ่าย เท่านี้ก็ช่วยให้เราเติมน้ำมันได้อย่างประหยัดมากยิ่งขึ้นแล้ว

5.เลือกรถที่ประหยัด

       อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยทำให้เราเติมน้ำมันได้อย่างประหยัดคือการเลือกรถที่มีระบบกินน้ำมันน้อย ซึ่งในปัจจุบันมีรถให้เราได้เรื่องสรรมากมายหลากหลายแบรนด์ ที่หันมาผลิตรถยนต์ตลอดจนรถจักรยานยนต์ที่เน้นและให้ความสำคัญเรื่องการประหยัดพลังงาน ประหยัดมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ชีวิตที่เร่งรีบและช่วยลดค่าใช้จ่ายนั่นเอง

       การ เติมน้ำมันแบบไหนถึงประหยัด นั้นมีปัจจัยและวิธีการอีกมากมายให้เราได้เลือกลองนำไปปรับใช้ ซึ่งนอกจากการเลือกเติมน้ำมันในปริมาณที่เหมาะสม เติมในเวลาที่เหมาะสมแล้ว การหมั่นตรวจสอบเครื่องยนต์และยางรถยนต์อยู่เสมอก็ช่วยทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากมายเช่นกัน 

อ้างอิง: kmotors.co.th

อ่านเพิ่มเติม: รู้หรือไม่!! 3 ข้อดีของเบาะผ้ารถยนต์

25 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

ยางปัดน้ำฝน 3 สัญญาณง่ายๆ ที่บ่งบอกว่า ต้องเปลี่ยน

by yanyon 24 ธันวาคม 2021
written by yanyon
ยางปัดน้ำฝน

ในการขับขี่รถยนต์ในช่วงฤดูฝน ถือว่าเป็นการขับขี่ที่ต้องใช้ความระมัดระวัง และสภาพรถนั้นจะต้องอยู่ในความพร้อมตลอดเวลา เนื่องจากในฤดูฝนนั้นจะเกิดอุบัติเหตุได้บ่อยครั้ง เพราะถนนลื่น จึงทำให้สภาพรถยนต์ที่ใช้งานนั้นจะต้องมีความพร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ ที่ปัดน้ำฝน ที่จะต้องมีสภาพพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา หากมีฝนตกหนักหน้าที่สำคัญของที่ปัดน้ำฝนนั้นจะช่วยทำให้คุณมองเห็นทัศนวิสัยในการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น หากแต่ ยางปัดน้ำฝน ของคุณหมดประสิทธิภาพ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการขับขี่รถยนต์ได้ แล้ววันนี้เราได้นำเอาข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับสัญญาณที่บ่งบอกว่าเราถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนมาแนะนำกัน 

อาการที่ต้องเปลี่ยน ยางปัดน้ำฝน

  1. มีเสียงและเกิดอาการสะดุด ในขณะที่คุณขับขี่รถยนต์ และมีการใช้งาน ที่ปัดน้ำฝน ที่เสื่อมสภาพ ขณะที่ปัดน้ำฝนนั้นจะรู้สึกได้เลยว่ามีเสียงดังกว่าปกติ อาจจะเป็นเสียงเอี๊ยดอ๊าดซึ่งเป็นเสียงที่เกิดจากยางที่เสื่อมสภาพถูไปมากับกระจกหน้ารถนั่นเอง นอกจากนี้แล้วยังมาพร้อมกับอาการสะดุดหรืออาการกระตุก ทำให้การปัดน้ำฝนนั้นไม่ลื่นไหลตามที่ควรจะเป็น แต่จะเป็นการสะดุดติดๆกัน  ซึ่งผู้ที่ใช้งานนั้นจะสังเกตได้อย่างชัดเจน หากเกิดอาการดังกล่าวเหล่านี้ ที่จะเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนอันใหม่ทันที 
  2. เมื่อใช้งาน ที่ปัดน้ำฝน แล้วยังทิ้งรอยน้ำบนกระจก ความจริงแล้วคุณภาพของใบปัดน้ำฝนที่ดีนั้นเมื่อมีการปัดน้ำฝนแล้วจะต้องไม่มีเส้นน้ำหรือลอยน้ำทิ้งไว้บนกระจกเพื่อบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ หากแต่ใบปัดน้ำฝนนั้นเกิดการเสื่อมสภาพ เมื่อคุณใช้งานแล้วจะทิ้งรอยน้ำเป็นเส้นอยู่บนกระจก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่คุณควรที่จะต้องเปลี่ยน 
  3. ปัดน้ำฝนแล้วยังคงมองเห็นทัศนวิสัยไม่ชัดเจน เรียกง่ายๆว่าใช้ที่ปัดน้ำฝนแล้วกระจกยังมัวไม่ใสอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้เราไม่สามารถที่จะมองถนนหนทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจน ซึ่งเสี่ยงอันตรายอย่างมากและเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นทางที่ดีควรที่จะหาเวลาไปเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนใหม่จะดีกว่า โดยราคาของใบปัดน้ำฝนนั้นก็มีหลายราคา แต่ไม่แพงจนเกินไปแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพของ ยางที่ปัดน้ำฝน ด้วยอีกส่วนหนึ่ง

ในช่วงฤดูฝนการขับขี่รถยนต์ ด้วยการใช้งาน ที่ปัดน้ำฝน ที่ไม่มีประสิทธิภาพนั้นเป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงอย่างมาก จะทำให้ผู้ขับขี่นั้นอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ทางที่ดีหากเริ่มรู้สึกถึงสัญญาณที่เรานำมาแนะนำกันข้างต้น ก็ควรที่จะเสียสละเวลาและเงินจำนวนเล็กน้อยในการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนจะดีที่สุด 

อ่านเพิ่มเติม: 4 ข้อควรรู้ก่อนซื้อ “รถยนต์สีขาว”

24 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

รู้หรือไม่!! 3 ข้อดีของเบาะผ้ารถยนต์

by yanyon 23 ธันวาคม 2021
written by yanyon
เบาะผ้ารถยนต์

เบาะรถยนต์ เป็นอีกหนึ่งอะไหล่ในรถยนต์ที่ผู้ใช้งานควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เบาะผ้ารถยนต์ ซึ่งเป็นเบาะที่ต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาด สำหรับใครที่มีลูกเล็กเด็กแดงที่จะต้องมีการเดินทางอยู่บ่อยครั้ง แน่นอนว่าก็ต้องดูแลในเรื่องของความสะอาดให้ได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งหลายคนนั้นมีความชื่นชอบเกี่ยวกับ รถยนต์ที่ใช้เบาะผ้า เป็นทุนเดิมอยู่แล้วและวันนี้เราได้นำเอาข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับข้อดีของรถยนต์ที่ทำจากเบาะผ้ามาแนะนำกัน ลองไปดูรายละเอียดกันเลยว่าจะมีข้อดีที่น่าสนใจอย่างไรกันบ้าง 

เบาะผ้ารถยนต์ มีข้อดีดังนี้

  1. มีความทนทานมากกว่าการหุ้มหนังจากร้านภายนอก ในการใช้งานเบาะผ้านั้นจะเป็น เบาะรถยนต์ ที่ติดมาจากโรงงานโดยตรงจะมาพร้อมกับความคงทนแข็งแรงที่มีอายุการใช้งานยาวนาน สำหรับใครที่ไม่ชอบบอกว่าแต่อยากจะเปลี่ยนเป็นใช้เบาะหนังโดยการนำไปหุ้มหนังจากร้านหนังภายนอกก็จะมีระยะเวลาในการใช้งานที่ไม่ยาวนานเหมือนกับเบาะผ้าที่มีการผลิตมาจากโรงงานโดยตรง ซึ่งเมื่อระยะเวลาผ่านไปหนังก็จะเริ่มเปื่อยและหลุดร่อนออกมาและแน่นอนว่าจะทำให้เป็นปัญหาต่อไปในระยะยาว 
  2. รถยนต์เบาะผ้า จอดรถตากแดดนานๆเบาะจะไม่ร้อนจนเกินไป อย่างที่เราทราบกันดีว่าประเทศไทยบ้านเรานั้นแสงแดดมีความรุนแรงอย่างมาก เมื่อคุณจำเป็นที่จะต้องจอดรถกลางแสงแดด เป็นระยะเวลายาวนาน การใช้งานเบาะผ้าจะไม่ดูดความร้อนเมื่อผู้ใช้งานกลับเข้ามาในรถจะช่วยทำให้เบาะนั้นไม่ร้อนจนเกินไป และที่สำคัญยังสามารถที่จะช่วยปรับอุณหภูมิในรถให้มีความเย็นได้เร็วขึ้นกว่าเบาะหนัง เนื่องจากเบาะผ้าไม่เก็บความร้อนนั่นเอง 
  3. มีวิธีการดูแลรักษาที่ง่ายกว่า เบาะรถยนต์ ที่ทำจากหนังแท้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเบาะหนังมักจะพบเจอกับปัญหารอยย่นหรือรอยแตกลายงาที่ทำให้รถยนต์นั้นดูสภาพเก่ากว่าที่ควรจะเป็นซึ่งปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นกับเบาะผ้า ถึงแม้ว่าจะเป็นเบาะผ้าแต่มีความทนทานแข็งแรงและหากมีการดูแลทำความสะอาดอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยยืดระยะเวลาในการใช้งานออกไปได้มากกว่าการใช้เบาะหนังค่อนข้างชัดเจน 

รถยนต์เบาะผ้า เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่หลายคนนั้นชื่นชอบและให้ความสนใจ สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะซื้อรถยนต์ที่ทำจากเบาะผ้าหรือเบาะหนัง หรือลังเลว่าจะซื้อเบาะผ้าดีหรือไม่ อย่างไร ก็สามารถที่จะนำเอาข้อมูลข้างต้นที่เรานำมาฝากกันนี้ไปใช้ในการตัดสินใจได้เลย ครั้งหน้าเราจะนำเอาข้อมูลที่น่าสนใจอะไรมาฝากกันอีก ต้องติดตาม

อ่านเพิ่มเติม: 4 ข้อควรรู้ก่อนซื้อ “รถยนต์สีขาว”

23 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

4 ข้อควรรู้ก่อนซื้อ “รถยนต์สีขาว”

by yanyon 21 ธันวาคม 2021
written by yanyon
รถยนต์สีขาว

ในการเลือกซื้อ รถยนต์ การเลือกสีรถยนต์นั้นก็ถือว่าเป็นปัญหาอีกอย่างหนึ่งสำหรับคนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรถพ่อไม่ว่าจะสีไหนก็มีความสวยงามและน่าใช้งานด้วยกันทั้งสิ้นแต่สำหรับใครที่มีความชื่นชอบและมีความต้องการที่จะซื้อ รถยนต์ที่มีสีขาววันนี้เราก็มีข้อมูลสำคัญที่จะทำให้คุณสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะชื่นชอบและเลือกซื้อรถยนต์ที่มีสีขาวหรือไม่โดยข้อมูลที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยคุณตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย 

ข้อมูลสำคัญของ รถยนต์สีขาว

  1. สีขาว เป็นสีที่สว่าง เพราะฉะนั้นจะเกิดความหมองคล้ำหรือเหลืองขึ้นได้ คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสีขาวนั้นเมื่อใช้ไประยะเวลายาวนานก็จะพบว่ามักจะออกโทนสีเหลือง เพราะฉะนั้นทางที่ดีควรที่จะต้องมีการขัดเคลือบสีอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะรักษาสีขาวของรถยนต์ให้คงอยู่อย่างยาวนาน และมีสภาพใหม่อยู่เสมอ 
  2. มักจะพบเจอรอยเปื้อนได้มากกว่า รถยนต์ สีอื่น เนื่องจากสีขาวเป็นสีที่สว่างเมื่อเกิดรอยเปื้อนจากโคลนหรือยางมะตอย หรือเกิดจากการเฉี่ยวชนต่างๆ ก็จะทำให้เห็นรอยต่างๆได้อย่างง่ายดาย เพราะฉะนั้นคนที่จะตัดสินใจซื้อ จะต้องหมั่นดูแลสภาพรถให้มีความสะอาดอยู่เสมอ ทั้งนี้ก็เพราะมันมองเห็นรอยเปื้อนต่างๆได้ง่ายนั่นเอง 
  3. ส่วนใหญ่แล้วมักจะต้องพบเจอกับปัญหาสีเพี้ยน เนื่องจากสีขาวแต่ละรุ่นนั้นมีเฉดสีและค่าของสีที่ไม่เหมือนกัน ในกรณีที่เกิดการซ่อมสีรถขึ้นมาก็จำเป็นที่จะต้องมีการผสมสีตามเฉดเดิมของ รถยนต์ รุ่นนั้นๆ เพื่อที่จะนำมาทำสีอะไหล่ของรถยนต์ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือจะเจอปัญหาค่าสีหรือเฉดสีที่ผิดเพี้ยนไป ยิ่งเป็นช่วงรอยต่อระหว่างอะไหล่ก็จะยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจน 
  4. สีขาว ไม่ได้เหมาะสมกับรถทุกรุ่นที่คุณคิดเอาไว้ในบางครั้งการใช้งานรถยนต์ที่มีความรู้สึกและอดทนหรือว่าจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปยังสถานที่ทุรกันดาร ก็จะทำให้การดูแลสีรถเป็นไปอย่างยากลำบากมากยิ่งขึ้นเพราะฉะนั้นการเลือกใช้งานควรจะเป็นรถขนาดเล็กที่ใช้ในเมืองจะดีที่สุด 

รถยนต์ที่มี “สีขาว” เป็น รถยนต์ ที่มีความสวยงามและมีสีที่โดดเด่น ไม่แปลกใจที่หลายคนนั้นจะชื่นชอบในรถยนต์สีนี้ สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเลือกซื้อดีหรือไม่ หากท่านสามารถที่จะยอมรับในข้อมูลข้างต้นที่เรานำมาแนะนำกันได้ก็สามารถที่จะตัดสินใจได้ง่ายๆ ครั้งหน้าเราจะนำเอาข้อมูลใดมาแนะนำกันอีกอย่าลืมติดตาม

อ่านเพิ่มเติม: ยานยนต์.net

21 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
  • 1
  • …
  • 20
  • 21
  • 22

ติดตามเรา

Facebook Twitter Instagram Youtube

หมวดหมู่

  • ข่าวสาร (3)
  • บทความแนะนำ (220)
  • มอเตอร์ไซค์ (16)
  • รถยอดฮิต (35)
  • รีวิวรถ (17)
  • แต่งรถ (23)
  • ไม่มีหมวดหมู่ (9)

เรื่องล่าสุด

  • ข้อดี ข้อเสียของการซื้อ รถยนต์มือสอง แทนการซื้อ รถใหม่ป้ายแดง

    20 มีนาคม 2023
  • อย่ามองข้าม รถโดนน้ำท่วม วิธีเช็ค และ ข้อปฏิบัติ หลังน้ำท่วมที่คนมีรถต้องรู้

    31 มกราคม 2023
  • สังเกตอาการ เสียงรถยนต์ดัง ผิดปกติ อย่านิ่งนอนใจ เสียงดัง ผิดปกติบอกอะไรบ้าง?

    28 มกราคม 2023

เรื่องแนะนำ

  • ข้อดี ข้อเสียของการซื้อ รถยนต์มือสอง แทนการซื้อ รถใหม่ป้ายแดง

    20 มีนาคม 2023
  • อย่ามองข้าม รถโดนน้ำท่วม วิธีเช็ค และ ข้อปฏิบัติ หลังน้ำท่วมที่คนมีรถต้องรู้

    31 มกราคม 2023
  • สังเกตอาการ เสียงรถยนต์ดัง ผิดปกติ อย่านิ่งนอนใจ เสียงดัง ผิดปกติบอกอะไรบ้าง?

    28 มกราคม 2023
  • Facebook
  • Twitter
  • Instagram
  • Youtube

@2021 - All Right Reserved. Designed and Developed by ยานยนต์.net