ยานยนต์.net
  • หน้าแรก
  • ข่าวสาร
  • รถยอดฮิต
  • รีวิวรถ
  • บทความแนะนำ
@2021 - All Right Reserved. Designed and Developed by ยานยนต์.net
Category:

บทความแนะนำ

บทความแนะนำ

ลมยางรถ เรื่องน่ารู้ที่ไม่ควรมองข้าม เติมลมยาง เท่าไหร่จึงจะเหมาะ

by yanyon 1 มกราคม 2023
written by yanyon
ลมยางรถ

หลายหลายคนมักจะละเลยในสิ่งที่จำเป็น เพราะเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีความสำคัญ ทั้งที่จริง ๆ แล้วลมยางนั้น ผู้ใช้รถมีความจำเป็นต้องทำความเข้าใจ เนื่องจากรถแต่ละประเภท มีการใช้ ลมยาง ไม่เท่ากัน

ดังนั้นวันนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักกับ ลมยางรถ เรื่องน่ารู้ที่ไม่ควรมองข้าม เติมลมยาง เท่าไหร่จึงจะเหมาะ 

  1. ความเหมาะสมของลมยาง 

อีกหนึ่งชิ้นส่วนประกอบสำคัญ ของรถยนต์ เนื่องจากเป็น สิ่งที่ สร้างความปลอดภัยให้กับเราในการขับขี่ ดังนั้นก่อนการขับขี่ จึงควรจะมีการเช็ค ลมยาง รถ อยู่อย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาอันสมควร จึงควรมีการ เติมลมยาง ให้มีความเหมาะสมตามประเภทรถ และยังของรถ วิธีการเติมลมยางสามารถดูได้จากตำแหน่งประตูคนขับ ดูได้จากแรงดันของลม เรียกว่า PSI หรือ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว

  1. ไม่ควรปล่อยให้ ลมยาง รถ แข็งหรืออ่อนจนเกินไป 

หากรถของคุณ มีการ เติมลมยาง ที่ไม่เหมาะสม ประสิทธิภาพในการขับขี่ก็จะลดลง ส่งผลไปถึงดอกยาง และพื้นของยางที่สัมผัสกับผิวถนน อาจจะมีผลทำให้เกิดการระเบิดของยาง หรือการสึกหรอของยางที่เร็วจนเกินไป 

2.1 ลมยางแข็งเกินไป  รถอาจจะออกตัวได้ดี แต่ประสิทธิภาพในการเกาะถนนจะลดลง และจะทำให้ดอกยางเสื่อมสภาพเร็วเกินความจำเป็น รวมไปถึงเกิดยางระเบิด หากต้องวิ่งบนพื้นผิวถนนที่ขรุขระ

2.2 ลมยางอ่อนเกินไป ข้อเสียของการ เติมลมยาง อ่อนเกินไป ก็มีความเสี่ยงทำให้เกิดยางระเบิด เครื่องยนต์ทำงานหนักและสิ้นเปลืองน้ำมัน 

D:\ส่วนตัว\บทความ\จ้างงาน\งานที่ 12 เกี่ยวกับรถ เสนอชื่อ ผ่าน 50 บท\HH281222.01-50\HH281222.03\6.png

3.   ตัวอย่างการเติมลม 

การเติมลมรถเก๋งที่มีขนาดทั่วไป ปริมาณ ลมยาง รถ ที่เหมาะสม คือ 25-30 PSI  ส่วนรถที่มีขนาดกลาง หรือรถเอสยูวี ปริมาณ ลมยาง รถ ที่เหมาะสม คือ 30-35 PSI ส่วนรถกระบะ ปริมาณเติมลมที่เหมาะสมคือ 35-45 PSI ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการบรรทุกสิ่งของ 

4.   ลมยาง รถ ไนโตรเจน คืออะไร ดีอย่างไร 

ก่อนอื่นเลย เราต้องรู้ก่อนว่าร่มอย่างไนโตรเจนนั้น ประกอบไปด้วยไนโตรเจนเหลวมากกว่า 93 เปอร์เซ็นต์ ผ่านการคัดออกซิเจนและความชื้น ออกไปแล้วทั้งหมด ดังนั้นลมที่ได้จึงเป็นแก๊สเพียงอย่างเดียว เนื่องจาก ไม่มีไอน้ำ หรือมีไอน้ำปนอยู่น้อยมาก โอกาสที่จะเกิดการระเบิดของยางด้วย 

  4.1 ข้อดีของลมยางไนโตรเจน สำหรับคนที่ชอบขับขี่รถ ที่ใช้ความเร็วสูง และต้องการจะยืดอายุการใช้งานของยาง เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้ดีขึ้น การเติมลมแบบไนโตรเจน ก็จะตอบโจทย์สำหรับ ข้อดีเหล่านี้ นอกจากนี้ อย่างลดโอกาสการระเบิดของยาง การขับขี่นุ่มนวลกว่า เพราะมีแรงดันที่คงที่ ไม่ต้อง เติมลมยางบ่อย ๆ   

4.2 ข้อเสียของการเติมลมไนโตรเจน เนื่องจาก ลมยาง รถ ไนโตรเจน ค่อนข้างเฉพาะ ไม่ได้มีตามปั๊มทั่วไป ราคาจึงค่อนข้างสูง แต่ถ้าเทียบกับความคุ้มค่าแล้ว ก็ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว  ลมยางรถ เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม ดังนั้น การ เติมลมยาง ที่ถูกต้อง และเหมาะสมกับรถแต่ละประเภท จึงควรศึกษาข้อมูล และทำให้ถูกต้องตามประเภทของรถยนต์ หากไม่ทราบ สามารถหาข้อมูลได้จากในอินเทอร์เน็ต หรือปรึกษาศูนย์บริการรถยนต์ของท่าน เพื่อส่งผลดีกับยางรถของเรา รวมไปถึงความปลอดภัยอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม: เครื่องสตาร์ทไม่ติด

1 มกราคม 2023 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

เครื่องสตาร์ทไม่ติด วิธีการสังเกต อาการรถยนต์มีปัญหา และการแก้ไข

by yanyon 31 ธันวาคม 2022
written by yanyon
เครื่องสตาร์ทไม่ติด

เชื่อกันว่าเหตุการณ์ที่ชวนหงุดหงิดและรบกวนใจสำหรับคนที่มีรถ นั่นก็คือการที่เราตื่นมาในเช้าวันทำงานที่สดใส และพบว่ารถของเราไม่สามารถสตาร์ทติดได้ เพราะนอกจากจะทำให้เราเสียเวลาแล้ว  อาจจะส่งผลทำให้เราอาจจะต้องเสียเงินในกระเป๋าอีกด้วย วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ เครื่องสตาร์ทไม่ติด วิธีการสังเกต อาการรถยนต์มีปัญหา และการแก้ไข 

  วิธีการสังเกตอาการ เครื่องสตาร์ทไม่ติด 

1. แบตเตอรี่เสื่อม  

  เมื่อเสียบกุญแจเข้าไปในรถแล้ว รถสตาร์ทไม่ติด อาการรถยนต์มีปัญหา แบบนี้อาจจะเกิดจาก แบตเตอรี่เสื่อม เนื่องจากโดยปกติแล้วแบตเตอรี่รถยนต์นั้นจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 2 ปี ซึ่งในระยะเวลาการใช้งานดังกล่าวนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน ทั้งคุณภาพของตัวแบตเตอรี่เอง ทั้งนี้ ทั้งนั้น แบตเตอรี่ถือว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้รถไม่สามารถสตาร์ทติดได้ ดังนั้นหากในกรณีที่เสียบกุญแจไปแล้วไม่สามารถติดเครื่องได้ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจจะเกิดจากแบตเตอรี่ โดยปกติทั่วไปแล้ว ในกรณีที่แบตเตอรี่เสื่อม มักจะพบในช่วงเช้า หรือจอดรถทิ้งไว้แบบข้ามคืน ทำให้ในการสตาร์ทรถครั้งต่อไป เป็นไปได้ยาก 

D:\ส่วนตัว\บทความ\จ้างงาน\งานที่ 12 เกี่ยวกับรถ เสนอชื่อ ผ่าน 50 บท\HH281222.01-50\HH281222.01\2.png

2. ไดสตาร์ทสตาร์ทมีปัญหา 

  ไดสตาร์ทหรือมอเตอร์สตาร์ท ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ เครื่อง สตาร์ทไม่ติด และยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ของ อาการรถยนต์มีปัญหา ซึ่งการเสื่อมสภาพของไดสตาร์ท มักจะเกิดจากการที่ ผู้ขับขี่ ทำการบิดกุญแจแช่ค้างไว้เป็นระยะเวลานาน ทำให้ไดสตาร์ทไหม้ รวมไปถึงสาเหตุอื่นอาทิ เช่น เกิดจากการขับรถลุยน้ำท่วม ทำให้น้ำเข้าไปในไดสตาร์ท หรือเกิดจากสายไฟที่ต่อจากไดสตาร์ทหลุดจากบริเวณจุดที่ต่อ หากสามารถมองหาจุดที่เกิดขึ้นดังกล่าว ก็สามารถต่อได้โดยไม่ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ

  3. ขั้วแบตเตอรี่สกปรก 

  ปัญหาคราบขี้เกลือ อีกหรอกอยู่บริเวณขั้วแบตเตอรี่ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระแสไฟฟ้า เกิดความขัดข้อง ไม่สามารถส่งต่อไปยังบริเวณอื่นได้ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด วิธีการง่าย ๆ คือ ใช้น้ำโซดาและแปรงสีฟัน ขัดบริเวณขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาด 

  4. ปั๊มติ๊กมีปัญหา 

  ปั๊มติ๊ก จะทำหน้าที่เป็นตัวดูดน้ำมัน จากทั้งเครื่องยนต์ ทำให้เกิดการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ แต่รถรุ่นใหม่จะไม่มีการผลิตออกมาแล้ว โดยปกติจะเป็นรถรุ่นเก่า จุดนี้อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง ของ อาการรถยนต์มีปัญหา ที่ทำงานผิดปกติ จนทำให้เกิด เครื่อง สตาร์ทไม่ติด

วิธีการแก้ไข เมื่อเจอ อาการรถยนต์มีปัญหา เครื่อง สตาร์ทไม่ติด และคุณไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้คุณสามารถแก้ปัญหาเบื้องต้น ได้สองกรณี กรณีที่หนึ่งคือ หากคุณทำประกันรถ เป็นประกันชั้นหนึ่งที่ครอบคลุม ข้อกำหนดเกี่ยวกับเรื่องของการดูแลเครื่อง คุณสามารถติดต่อประกันได้ทันที กรณีที่สองคือ นำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจเช็ค สาเหตุของการสตาร์ทไม่ติดโดยช่างผู้ชำนาญงาน

อ่านเพิ่มเติม: รถ สตาร์ทไม่ติด

31 ธันวาคม 2022 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

เพราะอะไร รถ สตาร์ทไม่ติด เมื่อ ฝนตก สาเหตุ และวีธีสังเกตอาการ

by yanyon 28 ธันวาคม 2022
written by yanyon
รถสตาร์ทไม่ติด

หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยได้ยินคำว่า ฝนตก รถติด แต่สำหรับบทความนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ เพราะอะไรฝนก็ตก แต่รถกลับสตาร์ทไม่ติด ซึ่งเชื่อกันว่าหลาย ๆ คนคงจะเคยเจอปัญหาแบบนี้ คือเมื่อต้องขับรถตากฝน หรือ ลุยฝน ปรากฏว่า อาการต่อมาคือ รถของเรากลับมีอาการสตาร์ทไม่ติด ไปดื้อ ๆ วันนี้เราจะพาทุกคนมาหาสาเหตุ และวิธีการสังเกตอาการ รถสตาร์ทไม่ติด เมื่อ ฝนตก

วิธีการสังเกตอาการ รถ สตาร์ทไม่ติด เมื่อ ฝนตก

  1. ระบบไฟฟ้าขัดข้อง ช็อต เสียหาย 

  ในกรณีที่ ฝนตก แล้วเกิดน้ำรั่ว หรือซึมเข้าไปบริเวณกล่องควบคุมเครื่องยนต์ (ECU) ที่เป็นตัวหลัก ในการทำหน้าที่ควบคุมการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง หากมีน้ำรั่วไหลเข้าไปจนทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ รถ สตาร์ทไม่ติด เพราะน้ำจะส่งผลให้ภายในรถยนต์เสียหายไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่รถยนต์ ไดชาร์จ ระบบแอร์พัง พวงมาลัยไฟฟ้า EPS รวมไปถึงวิทยุ เป็นต้น วิธีการแก้ไขเบื้องต้น ถ้าพบว่านำเข้าแบตเตอรี่รถยนต์ ควรเรียกช่างมาตรวจสอบและเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ รวมไปถึงการตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น แผงที่หน้าปัด ถอดคอนโซลออกมาทำความสะอาด รวมไปถึงการตรวจสอบของเหลวทุกอย่างในรถ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และน้ำมันเบรกเป็นต้น 

D:\ส่วนตัว\บทความ\จ้างงาน\งานที่ 12 เกี่ยวกับรถ เสนอชื่อ ผ่าน 50 บท\HH281222.01-50\HH281222.02\HH281222.02-เพราะอะไร รถสตาร์ทไม่ติด เมื่อ ฝนตก สาเหตุ และวีธีสังเกตอาการ 2.png
  1. น้ำไหลเข้าท่อหายใจของเครื่องยนต์ หรือท่อไอดี 

  อีกหนึ่งกรณีที่ทำให้ รถสตาร์ท ไม่ติด สาเหตุจาก ฝนตก จนทำให้น้ำรั่วไหลเข้าไปยัง ท่อไอเสียเครื่องยนต์ ส่งผลต่อระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงพังเสียหาย จนทำให้รถดับ วิธีการแก้ไขเบื้องต้นคือ กรณีที่เครื่องยนต์ไม่ดับ แต่น้ำเริ่มเข้าท่อไอเสียรถยนต์ ให้หาจุดพักรถ หลบเลี่ยงบริเวณน้ำท่วมขัง และบริเวณที่มีน้ำฝน ไม่ควรดับเครื่องทันทีที่ถึงจุดหมาย ต้องสตาร์ทไว้สักพัก เพื่อเป็นการไล่น้ำที่ค้างอยู่ในหม้อพักออกจากท่อไอเสีย จากนั้นเช็ดด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ให้เรียบร้อย 

  1. ฝนตก ทำให้น้ำรั่วเข้าไปใน ระบบกรองอากาศ 

  สังเกตง่าย ๆ เมื่อ เครื่องยนต์มีอาการสำลักน้ำ เป็นสาเหตุบ่งบอกว่า น้ำเข้าไปบริเวณไส้กรองอากาศ ส่งผลให้ตัวเครื่องยนต์ และห้องเผาไหม้ในตัวเครื่องยนต์เกิดการทำงานที่ผิดปกติ วิธีการสังเกตและแก้ไขเบื้องต้นคือ หากนำเข้าไปในบริเวณไส้กรองอากาศ ไส้กรองจะมีลักษณะเปียก ควรทำการเปลี่ยนไส้กรองใหม่ อยู่ในลักษณะที่ รถสตาร์ท ไม่ติด ควรโทรหาบริษัทประกัน หรือเรียกรถลากไปยังศูนย์ให้บริการ
ในช่วง ฤดูฝน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วมขัง หรือปัญหา ฝนตก หนักจนทำให้น้ำรั่วเข้าไปในรถของเรา ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาดังที่กล่าวข้างต้น จนส่งผลให้ รถสตาร์ทไม่ติด วิธีการแก้ปัญหา ไม่ใช่เพียงแค่รอให้เกิดปัญหา แต่เราควรจะมีการป้องกันด้วยการเช็ค สภาพรถทุกครั้งก่อนการออกเดินทาง หมั่นดูแลรักษาอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งระบบยางรถยนต์ ระบบเบรก แบตเตอรี่ ระบบไฟฟ้าต่าง ๆ ให้พร้อมใช้งานอย่างสม่ำเสมอ

อ่านเพิ่มเติม: วางแผนเที่ยว

28 ธันวาคม 2022 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

5 Tips วางแผนเที่ยวรับปีใหม่อย่างไรให้คุ้มค่า งบไม่บาน ทุกคนแฮปปี้

by yanyon 25 ธันวาคม 2022
written by yanyon
วางแผนเที่ยว

หนึ่งในรางวัลของชีวิตที่หลาย ๆ เลือกมอบให้กับตัวเอง ก็คือ การท่องเที่ยว ทริปสุดพิเศษที่ใฝ่ฝัน ในโอกาสเริ่มต้นศักราชใหม่ จึงมีจำนวนคนไม่น้อย ที่วางแผนการเดินทาง เพื่อไปสัมผัสประสบการณ์เรียนรู้โลกกว้างทั้งในประเทศ และต่างประเทศ หลังจากที่ต้องเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 มายาวนานเกือบ 3 ปี โดยจะวางแผนท่องเที่ยวอย่างไรให้คุ้มค่า งบประมาณที่เตรียมไว้ไม่บานปลาย และทุกคนที่ร่วมทริปมีความสุข บรรลุเป้าหมายที่ตัวเองตั้งใจ

มาไขเคล็ดลับกับ 5 Tips วางแผนเที่ยวรับปีใหม่อย่างไรให้คุ้มค่า ที่นำมาฝากกันนี้ได้เลย 

1. เลือกช่วงเวลาที่สามารถหยุดยาวได้พร้อม ๆ กัน โดยใช้วันลาเพียงนิด

ได้มีโอกาสไปเที่ยวทั้งที ก็ต้องมีเวลามากพอที่จะได้สัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวในฝันให้เต็มเหนี่ยว การเลือกช่วงเวลาที่จะสามารถเดินทางไปได้หลาย ๆ วัน เช่น มีวันหยุดยาว ๆ ในวันนักขัตฤกษ์ หรือวันหยุดประจำปีอื่น ๆ ที่สามารถใช้วันลาพักร้อนเพียงไม่กี่วัน ก็ได้เที่ยวแบบคุ้มค่า ซึ่งควรหาวันที่ทุกคนที่จะร่วมทริป สะดวกตรงกัน และสามารถวางแผนเที่ยวได้ง่าย 

2. วางแผนเลือกรูปแบบการท่องเที่ยวที่ถูกใจ ในราคาไม่สูงเกิน

เมื่อได้เวลาที่ลงตัวแล้ว ก็มาวางแผนเลือกว่าจะเดินทางไปยังจุดหมายที่ไหน ด้วยวิธีการใด ในรูปแบบสไตล์ไหน เพื่อจะได้สามารถวางแผน กำหนดงบประมาณที่ต้องใช้คร่าว ๆ ได้ว่า ควรมีเงินเท่าไหร่ ถึงจะได้เที่ยวอย่างมีความสุข ไม่ต้องกังวลว่ากลับมาจะต้องเผชิญกับปัญหาหนี้สินค่าบัตรต่าง ๆ ที่ต้องหาเงินมาชดใช้ กลายเป็นการสร้างความทุกข์ในภายหลัง โดยงบที่ตั้งไว้ ควรสะท้อนค่าใช้จ่ายจริง ไม่ใช่เกิดจากการคาดการณ์ไปเอง 

3. จองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าในราคาโปรโมชั่น เพื่อความคุ้ม

สำหรับการเดินทางระยะไกล ๆ ควรเลือกใช้วิธีการเดินทางด้วยเครื่องบิน เพื่อช่วยประหยัดเวลา และจะได้ท่องเที่ยวอย่างคุ้มค่าภายใต้วันลาที่มีอยู่จำกัด โดยการจองตั๋วเครื่องบินนั้น หากสามารถวางแผนล่วงหน้า หลาย ๆ เดือนได้ ก็จะสามารถจองในราคาโปรโมชั่น ซึ่งจะคุ้มค่ากว่าการจองในระยะเวลาใกล้การเดินทาง ซึ่งจะมีราคาค่อนข้างแพง โดยควรเช็คโปรโมชั่นจากหลาย ๆ สายการบิน ในกลุ่ม Low Cost 

4. จองที่พักในระดับกลาง ๆ เพราะส่วนใหญ่เป็นแค่ที่นอน 

การเดินทางไปท่องเที่ยวส่วนใหญ่ มักจะใช้ชีวิตอยู่นอกโรงแรมเป็นหลัก ที่พักจึงเป็นเพียงที่หลับที่นอน การจองที่พักในระดับกลาง ๆ ไม่ถูกจนนอนยาก หรือห้องย่ำแย่ และไม่ราคาสูงเกินไปจนใช้ไม่คุ้มค่า เพราะมีเวลานอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยควรพิจารณาศึกษาข้อมูลจากหลาย ๆ แพลตฟอร์ม ดูรีวิวจากผู้ที่เคยไปพัก เพื่อจะได้ไม่ผิดหวังจากการทำโปรโมทที่ไม่ตรงปก 

5. เลือกสถานที่ท่องเที่ยว และวางแผนให้เป็นระบบ เพื่อประหยัดงบการเดินทาง 

อีกหนึ่งวิธีการที่จะช่วยประหยัดงบประมาณได้ ก็คือการวางแผนเลือกสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่จะไปให้มีความเหมาะสม จัดวางลำดับก่อนหลังให้ดี เพื่อให้แต่ละแห่งมีการเดินทางเชื่อมต่อกัน ไม่วกไปวนมา จนทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มโดยเปล่าประโยชน์ และทำให้ได้เที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ น้อยลง เพราะอาจจะหลงทาง หรือเผชิญปัญหารถติด และอะไรอีกมากมายในระหว่างเส้นทาง 

เคล็ดลับที่นำมาแนะนำกันนี้ คงช่วยให้หลาย ๆ คนที่กำลังวางแผนไปท่องเที่ยวกับเพื่อน ๆ ครอบครัว หรือคนรัก ได้บริหารจัดการทริปในฝันได้อย่างเพอเฟ็ค ช่วยเซฟงบได้ภายในกรอบที่วางไว้ และยังทำให้ทุกคนได้รับความสุขแบบเต็มที่ตามที่ตัวเองตั้งใจ ซึ่งจะทำให้เกิดความคุ้มค่า เป็นทริปที่ได้ประสบการณ์ที่สุดแสนประทับใจ และไม่ต้องมากังวลกับภาระหนี้สินที่เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องกลับมาเคลียร์ในภายหลังด้วย

อ่านเพิ่มเติม: ยี่ห้อคาร์ซีท

25 ธันวาคม 2022 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

แนะนำยี่ห้อคาร์ซีท เด็ก คุณภาพดี แข็งแรงทนทาน ใช้ได้ยาวนานหลายปี

by yanyon 22 ธันวาคม 2022
written by yanyon
ยี่ห้อคาร์ซีท

การรัดเข็มขัดนิรภัยในระหว่างที่ขับขี่ ถือเป็นเรื่องที่เราควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ เด็ก เล็ก ๆ ซึ่งคาร์ซีทนั้นถือเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายกระเด็นออกนอกหน้าต่าง ที่สำคัญคาร์ซีทยังช่วยควบคุมพฤติกรรมของลูกน้อยไม่ให้ซุกซนหรือรบกวนเราในระหว่างที่เราขับรถได้อีกด้วย วันนี้เราจึงรวบรวมยี่ห้อคาร์ซีท มาให้คุณพ่อคุณแม่ได้เลือกซื้อกัน จะมียี่ห้อไหนบ้างนั้นไปดูกันเลย

รีวิว 4 ยี่ห้อคาร์ซีทสำหรับ เด็ก คุณภาพดี ปรับองศาการนั่งได้หลายระดับ

1. Camera รุ่น SAFIA 360 productnation

เริ่มกันที่ คาร์ซีท รุ่นแรกกับ Camera รุ่น SAFIA 360 productnation เป็นรุ่นที่สามารถหมุนได้ 360 องศา มาพร้อมสายเข็มขัดนิรภัยถึง 5 จุด บริเวณที่นั่งมีพนักพิงศีรษะให้ในตัวจึงสามารถปรับระดับขึ้นลงได้ตามความเหมาะสม ที่สำคัญรุ่นนี้ยังสามารถใช้ได้กับเด็กแรกเกิดจนไปถึงอายุ 12 ปีเลย

2. Fico รุ่น HB902 productnation

เมื่อพูดถึงคาร์ซีทคุณภาพดี ๆ สักรุ่น เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะถึง Fico รุ่น HB902 productnation กันแน่นอน เพราะรุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีซัพพอร์ตหนานุ่ม และมีสายรัดกันกระแทกให้ 5 จุด ส่วนพนักพิงสามารถปรับระยาวได้ 3 ระดับ จึงเหมาะสำหรับ เด็ก ที่มีอายุตั้งแต่ 1 ขวบไปจนถึง 4 ปี

3. ailebebe รุ่น Kurutto 5s Grance productnation

สำหรับใครที่อยากได้ คาร์ซีท ที่ซัพพอร์ตได้ดี แรงติดตั้งได้สะดวกสบาย ต้องลองรุ่นนี้เลย คุณภาพดีที่ออกแบบมาเพื่อติดตั้งเข้ากับเบาะรถได้อย่างแนบสนิท และยังมีปุ่ม Power Assist ที่ช่วยล็อคสายเข็มขัดให้มีความแน่นหนามากยิ่งขึ้น ช่วยปกป้องการกระแทกจากบริเวณด้านข้างได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคาร์ซีทรุ่นนี้ยังหมุนได้ถึง 360 องศา จึงสามารถติดตั้งได้กับรถทุกยี่ห้อ

4. Joie รุ่น Stages productnation

มาต่อกันที่คาร์ซีทรุ่น Stages productnation สามารถปรับระดับสูงต่ำของเก้าอี้ได้ 5 ระดับ ทั้งยังปรับเอนลงนอนได้ 3 ระดับ มาพร้อมระบบ Double Lock ช่วยปกป้องลูกน้อยของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และด้วยโครงสร้างพิเศษแบบ Baby Armor ของเก้าอี้รุ่นนี้จึงเหมาะสำหรับเด็กทารกจนไปถึงเด็กอายุ 7 ปีเลย

การเลือกคาร์ซีทสำหรับ เด็ก ให้เหมาะสม ถึงแม้ว่า คาร์ซีท จะเป็นเก้าอี้ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย แต่หากคุณพ่อคุณแม่ติดตั้งเก้าอี้ไว้ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมหรือติดตั้งผิดวิธีก็อาจทำให้ลูกน้อยเกิดอุบัติได้ง่าย ดังนั้นแล้วก่อนที่จะเลือกคาร์ซีทสำหรับ เด็ก ก็อย่าลืมดูขนาดของเก้าอี้กับขนาดของรถยนต์ของคุณเอาไว้ให้ดี เพราะหากซื้อมาแล้วใส่ได้ไม่พอดีก็อาจจะทำให้ต้องเสียเวลาและเสียเงินซื้อคาร์ซีทใหม่ได้

อ่านเพิ่มเติม: ผ่อนรถ บอลลูน

22 ธันวาคม 2022 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

ข้อแตกต่างระหว่าง ผ่อนรถ บอลลูน ต่างจากผ่อนรถธรรมดา อย่างไร แบบไหนดีกว่า

by yanyon 19 ธันวาคม 2022
written by yanyon
ผ่อนรถ บอลลูน

สำหรับใครที่อยากจะมีรถยนต์ใช้ส่วนตัวมาฟังทางนี้ ปัจจุบันการผ่อนรถ มีหลากหลายรูปแบบให้เราเลือก หลาย ๆ บริษัท ก็มีแคมเปญต่าง ๆ ออกมามากมาย จงใจให้เราควักเงินในกระเป๋า เพื่อจ่ายค่าผ่อนรถในแต่ละเดือน และในวันนี้ เราจะมาทำความรู้จัก ข้อแตกต่างระหว่าง ผ่อนรถ บอลลูน ต่างจากผ่อนรถธรรมดา อย่างไร แบบไหนดีกว่า 

การผ่อนรถแบบธรรมดา คืออะไร? 

การผ่อนรถแบบธรรมดา จะมีการคำนวณ งวดรถที่ต้องผ่อน ร่วมกับอัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระในแต่ละเดือน เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ร่วมไปกับอัตราเงินต้นเเบ่งออกเป็นงวดชำระ โดยจะมียอดเงินเท่ากันทุกงวด ไปจนกระทั่งปิดยอดชำระ ยกตัวอย่างเช่น เงินต้น 400,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 100,000 บาท รวม 500,000 บาท ต้องการผ่อนชำระจำนวน 48 งวด = 500,000 / 48 = 10,500 ต่อ งวด เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมในหมู่คนที่มีเงินเดือนประจำ มีค่าใช้จ่าย และรายได้ตายตัว รวมทั้งราคาค่ารถที่ผ่อนไม่แพงจนเกินไป 

การผ่อนรถ บอลลูน คืออะไร? 

ในการผ่อนรถแบบบอลลูนนั้น จะเป็นการผ่อนต่อเดือนแบบน้อย ๆ และไปจ่ายเงิน ค่าส่วนเกินในงวดสุดท้าย ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะนิยมจ่ายเป็นเงินก้อน ข้อดีคือ ยอดผ่อนต่อเดือนจะน้อยทำให้เราสามารถนำเงินส่วนต่าง ไปหมุนหรือลงทุนก่อนได้ ข้อจำกัดคือ จะต้องไปจ่ายเงินงวดสุดท้ายเป็นเงินก้อน ซึ่งถ้าหากในเวลานั้นไม่มีเงินก้อน ก็จำเป็นต้องทำผ่อนงวด ทำให้มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าการผ่อนแบบธรรมดา ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ว่า ยอดดอกเบี้ยอาจจะสูงกว่ายอดเงินต้นด้วยซ้ำ 

C:\Users\thanapornhan\AppData\Local\Microsoft\Windows\INetCache\Content.Word\2.png

ผ่อนรถบอลลูน ต่างจากผ่อนรถธรรมดา ต่างกันอย่างไร 

1. เงินดาวน์ เหมือนการผ่อนรถธรรมดา นั่นคือเงินส่วนแรกที่จะต้องชำระเบื้องต้น โดยการผ่อนแบบบอลลูน มักจะคิดเป็น 20% ของมูลค่ารถยนต์ 

2. เงินผ่อนค่างวด คือ เงินที่เราจะต้องชำระทุกงวดจนกว่าจะครบสัญญา เหมือนการผ่อนรถธรรมดา แต่ยอดผ่อนต่อเดือนจะน้อยกว่าเงินผ่อนรถธรรมดา ซึ่งจะไม่เกี่ยวกับเงินดาวน์ หรือเงินบอลลูน 

3. เงินบอลลูน คือเงินก้อนในลำดับสุดท้ายที่จะต้องจ่ายเพื่อโอนกรรมสิทธิ์รถเป็นของเรา ซึ่งโดยปกติแล้วจะจ่ายหลังจากการผ่อนชำระค่างวดในงวดสุดท้าย โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40-50% ของมูลค่ารถทั้งหมด อันนี้ไม่เหมือนการผ่อนรถธรรมดา

  ยกตัวอย่างการผ่อนรถแบบบอลลูน  

รถยนต์ ราคา 2 ล้านบาท ดาวน์ 5 แสนบาท ผ่อนต่อเดือน 2 หมื่นบาท เป็นระยะเวลา 60 งวด งวดสุดท้าย ชำระ 8 แสนบาท เป็นต้น 
และนี่ก็เป็น ข้อแตกต่างระหว่าง ผ่อนรถบอลลูน ต่างจากผ่อนรถธรรมดา อย่างไร ส่วนแบบไหนดีกว่านั้น ให้ทุกท่านมองที่ความสะดวกของการบริหารจัดการเงินในกระเป๋าของคุณเอง สำหรับบางคนอาจจะสะดวกการผ่อนตามตารางปกติเป็นงวดต่อเดือนแบบตายตัว สำหรับบางคนอาจจะสะดวกกับการผ่อนค่างวด เริ่มต้นน้อยๆเพื่อที่จะได้มีเงินก้อนไปลงทุน ก่อนจะนำเงินก้อนนั้นมาปิดในงวดสุดท้าย ดังนั้นพิจารณาตามความเหมาะสม

อ่านเพิ่มเติม: แอร์รถยนต์

19 ธันวาคม 2022 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

วิธีรักษา แอร์รถยนต์ ให้เย็นฉ่ำ อย่างไรให้อยู่กับคุณไปนาน ๆ

by yanyon 16 ธันวาคม 2022
written by yanyon
แอร์รถยนต์

อุปกรณ์รถยนต์อีกชิ้นหนึ่ง ที่ทำให้เราสามารถนั่งรถยนต์ไปได้อย่างมีความสุข นั่นก็คือ แอร์รถยนต์ ซึ่งมีหน้าที่ในการทำความเย็น วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ วิธีรักษา แอร์ รถยนต์ ให้เย็นฉ่ำ อย่างไรให้อยู่กับคุณไปนาน ๆ เพราะว่าการที่เราดูแล แอร์ รถยนต์ ให้ใหม่ และ สะอาดอยู่อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันรถได้มากขึ้น ซึ่งวิธีการดูแลรักษา แอร์ รถยนต์ ก็ไม่ยากอย่างที่คิด

การดูแล แอร์รถยนต์ ระหว่างการใช้งาน

1. ในขณะใช้งานหรือก่อนสตาร์ทรถ แอร์ รถยนต์ ควรจะอยู่ในลักษณะที่ปิด เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์แอร์ไปฉุดกำลังสตาร์ท

2. ในกรณีที่คุณจอดรถตากแดด ก่อนจะเปิดแอร์ควรเปิดประตูระบายความร้อนก่อนเสมอ เพื่อไม่ให้แอร์รถของคุณทำงานหนักจนเกินไป

3. ก่อนจะทำการเปิดปุ่มน้ำยาแอร์ ให้เร่งพัดลมแอร์ที่เบอร์แรงก่อนเพื่อเป็นการไล่ความร้อนจากระบบแอร์เพื่อไม่ให้แอร์ทำงานหนัก

C:\Users\thanapornhan\AppData\Local\Microsoft\Windows\INetCache\Content.Word\2.png

4. เมื่อรถเริ่มทำความเย็น แล้วควรจะลดพัดลมให้อยู่ในระดับอ่อนเท่าที่จำเป็น ไม่ควรเปิดพัดลมให้แรงจนเกินไป

5. ควรมีการตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่เปิดอุณหภูมิที่มีลักษณะเย็นจนเกินไปเพราะคอมพิวเตอร์จะทำงานหนัก

6. ปิดปุ่มน้ำยาแอร์ก่อนถึงที่หมายประมาณ 5-10 นาที แล้วเปิดแค่พัดลมเบอร์แรงเพื่อช่วยไล่ลมเย็นและความชื้นที่ค้างอยู่ในระบบ นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันการเกิดกลิ่นอับ

7. ก่อนดับเครื่องยนต์ควรจะปิดพัดลมแอร์ก่อน

8. ไม่ควรเปิดกระจกรถขณะขับขี่รถเพราะจะทำให้ เกิดการอุดตันจากฝุ่นในช่องตู้แอร์ได้

9. ควรมีการติดฟิล์มกรองแสง เพื่อช่วยให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป

การทำความสะอาด และล้าง แอร์ รถยนต์ ใน 5 ขั้นตอน

1. การถอดชิ้นส่วน ขั้นตอนแรกคือการถอดชิ้นส่วน ของ แอร์ รถยนต์ ซึ่งจะทำให้เราสามารถทำความสะอาดเช่นปัดฝุ่น เช็ดฝุ่น ถอดท่อและตัวทำความเย็นเพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรก

2. ปัดฝุ่น เมื่อทำการถอดชิ้นส่วนแอร์เรียบร้อยแล้วก็ทำความสะอาดด้วยการปัดฝุ่นด้วยน้ำยากำจัดฝุ่นละอองแอร์ รถยนต์ ล้างเศษฝุ่นที่เกาะชิ้นส่วนแต่ละชิ้นส่วนด้วยผ้าสะอาดเช็ดให้เรียบร้อย

3. ตรวจเช็กรอยรั่ว ในกรณีที่ท่อทำความเย็น มีรอยรั่ว สามารถใช้เทปกาวแปะลงบนรอยรั่วเพื่อไม่ให้หลุดรั่วจากท่อแทนที่จะเข้าไปช่องแอร์

4. ถอดอุปกรณ์แยกน้ำยาเหลว หรือที่เรียกกันว่าแอคคิวมูเลเตอร์

5. เปลี่ยนแอคคิวมูเลเตอร์ หากใช้งานไปนาน ๆ แล้วเกิดการเสื่อมสภาพควรมีการถอดและเปลี่ยนใหม่
นอกจากการดูแล แอร์ รถยนต์ ระหว่างการใช้งาน วิธีการถอดล้างแอร์ควรกระทำโดยผู้เชี่ยวชาญ หากคุณไม่มีความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยน แอร์ รถยนต์ ควรจะนำเข้าศูนย์บริการเพื่อให้ช่างผู้ชำนาญการเป็นผู้ตรวจสอบและเปลี่ยนให้

อ่านเพิ่มเติม: ผ่อนรถบอลลูน

16 ธันวาคม 2022 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

ข้อดีข้อเสีย ผ่อนรถบอลลูน มีอะไรบ้าง เหมาะกับใคร?

by yanyon 13 ธันวาคม 2022
written by yanyon
ผ่อนรถบอลลูน

การผ่อนรถมีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบก็แตกต่างกัน ซึ่งการที่เราจะเลือกผ่อนรถแบบไหนนั้น เราสามารถพิจารณาโดยผู้ซื้อ สามารถเลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ ความชอบ นั่นก็คือเงินในกระเป๋าของเรา ซึ่งถือได้ว่าสำคัญมากที่สุดในการตัดสินใจทำเรื่อง ผ่อนรถ ซึ่งถือว่าเป็นหนี้สินระยะยาว รวมทั้งการจ่ายเงินก้อน และในวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับการผ่อนรถแบบบอลลูน ว่ามี ข้อดีข้อเสีย ผ่อนรถบอลลูน มีอะไรบ้าง เหมาะกับใคร? 

  การผ่อนแบบบอลลูนคืออะไร? 

เดิมทีการผ่อนแบบบอลลูนเป็นที่นิยมในกลุ่มสินค้า ประเภทอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากว่ามีมูลค่าสูง หลังจากนั้นบริษัทไฟแนนซ์ ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการให้บริการ ในกลุ่มธุรกิจประเภทรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ราคาแพง รถยนต์หรู รถยนต์นำเข้า ก่อนจะลงมาสู่ตลาดรถยนต์ทั่วไป โดยมีโปรโมชั่นต่าง ๆ เพิ่มเป็นอีกทางเลือกให้กับลูกค้า 

หลักการผ่อนรถบอลลูน จะต้องใช้เงิน 3 ส่วน 

1. เงินดาวน์ ในส่วนของเงินดาวน์นั้น เป็นเงินส่วนแรกสุดที่ต้องจ่าย ให้กับธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยปกติเงินดาวน์จะอยู่ที่ประมาณ 20% ของมูลค่ารถยนต์ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น รวมไปถึงเงื่อนไขของธนาคารด้วย 

C:\Users\thanapornhan\AppData\Local\Microsoft\Windows\INetCache\Content.Word\2.png

2. เงินบอลลูน เป็นเงินก้อน ที่ต้องจ่ายสถาบันการเงินหรือไฟแนนซ์ 40-50% ซึ่งเงินก้อนนี้จะนำไปจ่าย หลังจากมีการผ่อนชำระค่างวดไปจนครบจนถึงงวดสุดท้ายแล้ว 

3. ค่างวดรถ  ในส่วนของค่างวดรถนี้ จะเป็นการทำผ่อนในแต่ละเดือน โดยจะมีการคำนวณหลังจากหักค่าเงินดาวน์ และยอดเงินบอลลูนไปแล้ว หลังจากการนำไปหารกับจำนวนค่างวดรถตามที่ระบุในสัญญา ซึ่งจะทำให้ค่างวดต่อการผ่อนต่องวดถูกลง  

ข้อดี ข้อเสีย ผ่อนรถ บอลลูน 

ข้อดีของการผ่อนรถแบบบอลลูน คือ  

1. การผ่อนชำระต่องวดค่อนข้างต่ำ ดังนั้นเจ้าของจึงสามารถที่จะซื้อ รถได้ง่ายขึ้น ภาระหนี้จะน้อยกว่าการเช่าซื้อรถทั่วไป 

2. ในกรณีที่ไม่สามารถจ่ายเงินก้อนในงวดสุดท้ายได้ เรายังสามารถนำยอดเงินบอลลูนในงวดสุดท้าย มาแบ่งจ่ายเป็นงวดได้ โดยทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการทำสัญญาของสถาบันการเงิน ตามที่ตกลงกัน 

3. เหมาะกับคนที่อยากจะเปลี่ยนรถใหม่ทุก ๆ 4 – 5 ปี เพราะเราสามารถนำเงินบอลลูนที่เหลือจากการหักหลบขายคืน ไปดาวน์รถคันใหม่ได้ 

ข้อเสียของการผ่อนรถแบบบอลลูน 

1. เราจะได้เป็นเจ้าของรถอย่างแท้จริง เมื่อมีการจ่ายค่างวด งวดสุดท้าย พร้อมกับเงินก้อนที่เป็นเงินบอลลูนด้วยเท่านั้น 

2. มีภาระหนี้สินสูงกว่าการผ่อนรถธรรมดา เนื่องจากดอกเบี้ยราคาสูง 

3 ไม่สามารถปิดหนี้ก่อนครบกำหนดชำระได้ ในกรณีที่ต้องการจะปิดต้องจ่ายเงิน เพิ่มซึ่งมักจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากเกินไป  
  เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ ข้อดีข้อเสีย ผ่อนรถ บอลลูน ถ้าหากถามว่าการผ่อนรถแบบบอลลูนเหมาะกับใคร ทั้งนี้ทั้งนั้นคงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ซื้อ ว่างบประมาณในกระเป๋าของคุณเหมาะกับการ ผ่อนรถแบบไหน ควรศึกษารายละเอียด ให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ ว่าเหมาะกับเราหรือไม่

อ่านเพิ่มเติม: ซื้อรถในนามบริษัท

13 ธันวาคม 2022 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

เจ้าของบริษัท ซื้อรถในนามบริษัท หรือ ในนามบุคคลดีกว่ากัน

by yanyon 10 ธันวาคม 2022
written by yanyon
ซื้อรถในนามบริษัท

รถยนต์ เป็นอีกหนึ่งไอเทมสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานในบริษัท การมีรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการทำธุรกิจ หรือการไปพบปะสังสรรค์กับลูกค้า ย่อมมีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์ในการเดินทางทั้งสิ้น ดังนั้น บางบริษัทก็มีความจำเป็นจะต้อง ซื้อรถ วันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจ ว่าถ้า เจ้าของบริษัท ซื้อรถในนามบริษัท หรือ ในนามบุคคลดีกว่ากัน

ข้อแตกต่างระหว่างรถยนต์ส่วนบุคคล และรถยนต์เชิงพาณิชย์ กรมสรรพากรแบ่งรถยนต์ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์เชิงพาณิชย์  

1. รถยนต์ส่วนบุคคล ถือเป็นทรัพย์สินฟุ่มเฟือย ใช้เพื่อการส่วนตัวเป็นหลัก เช่น รถกระบะ รถบรรทุก  ไม่สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายทางด้านภาษีได้

2. รถยนต์เชิงพาณิชย์ ซื้อมาเพื่อใช้ในการดำเนินกิจการ ดังนั้นควรซื้อในนามบริษัท ส่วนกรณีรถยนต์ส่วนบุคคล ที่ซื้อมาสำหรับผู้บริหาร ควรจะซื้อในนามของบริษัทหรือ ไม่ให้พิจารณาจากระยะเวลาในการใช้งาน หากซื้อมาใช้งานนานเกิน 5 ปี ให้ซื้อในนามบริษัท กรณีซื้อมาชั่วคราว หรือเปลี่ยนรถบ่อย และขายไปควรซื้อในนามบุคคล 

C:\Users\thanapornhan\AppData\Local\Microsoft\Windows\INetCache\Content.Word\2.png

ข้อดีของการ ซื้อรถในนามบริษัท 

1. สามารถหักค่าเสื่อมราคา ลงเป็นค่าใช้จ่ายบริษัทได้ไม่เกินปีละ 2 แสนบาท มาจากข้อกำหนดของกรมสรรพากรกำหนดไว้ว่า สำหรับรถยนต์ที่นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง สามารถบันทึกเป็นต้นทุนของรถได้ไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งโดยปกติแล้วอายุการใช้งานของรถยนต์จะไม่เกิน 5 ปี  

ตัวอย่างาการคำนวณ รถยนต์ 5 ปี ราคา 1 ล้านบาท จะมีค่าใช้จ่าย (ค่าเสื่อม 5 ปี) = 1 ล้าน ค่าเสื่อม 0 บาท ขายรถไป 3 แสนบาท ต้องเสียภาษีขาย 21,000 บาท พิจารณาความคุ้มค่า ภาษีเงินได้นิติบุคคล ประหยัดได้ 2 แสนบาท และมีกำไรจากการขาย ที่ต้องเสียภาษีอยู่ที่ (3 แสน × 20%) = 6 หมื่นบาท ดังนั้นเมื่อนำภาษีเงินได้นิติบุคคล – กำไรจากการขายที่ต้องเสียภาษี =  2 แสน – 6 หมื่น เท่ากับ 119,200 บาท  

2. ค่าน้ำมันและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับรถ เช่นค่าบำรุงรักษาและค่าซ่อมแซมรถยนต์ สามารถนำมาบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ 

3. ค่าเบี้ยประกันภัยรถ ค่าต่อภาษีรถ สามารถลงเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษี 

ข้อจำกัดในการ ซื้อรถ ในนามบริษัท 

1. ไม่ควรนำรถไปใช้ในกิจการอื่น ๆ หรือกิจกรรมอื่นใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท ไม่ควรเอาไปใช้ในกิจกรรมส่วนตัว  

2. ภาษีซื้อ ไม่สามารถนำภาษีซื้อไปหักลดกับภาษี แต่จะนำไปเป็นบันทึกค่าใช้จ่ายของกิจการแทน 

3. กำไรจากการขายรถ กำไรส่วนนี้จากการขายจะต้องลงบันทึกเป็นรายได้ของกิจการ และต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วย 

4. กรณีที่มีการขายรถ และกิจการของเราเป็นกิจการที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องทำเรื่องส่งกรมสรรพากรด้วย 
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ ไว้สำหรับใช้งานในบริษัท หากจะถามว่าควรจะ ซื้อรถ ในนามบริษัท หรือซื้อเป็นแบบรถยนต์ส่วนตัว ก็คงต้องพิจารณาจากหลายองค์ประกอบ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อเป็นข้อมูล ให้ท่านนำไปตัดสินใจในการเลือกซื้อในลำดับต่อไป

อ่านเพิ่มเติม: ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1

10 ธันวาคม 2022 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

หลักการ เลือก ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 สำหรับมือใหม่

by yanyon 7 ธันวาคม 2022
written by yanyon
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1

เมื่อมีรถ สิ่งที่ต้องตามมาคือ “ประกันภัย” ซึ่งแน่นอนว่า นอกจากจะทำให้เราอุ่นใจเวลาที่เราเดินทางแล้ว กรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น สำหรับรถยนต์ที่มีประกัน ก็จะได้รับความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ระบุตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ถ้าหากคุณกำลังมองหาประกันภัยที่มีความน่าเชื่อถือ วันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ เกี่ยวกับ หลักการ เลือก ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 สำหรับมือใหม่ มาแนะนำ 

หลักการ เลือก ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 สำหรับมือใหม่ 

1. พิจารณาความคุ้มครองของประกันชั้น 1

  ก่อนอื่นพิจารณาจากประเภทรถยนต์ของเรา ว่าเป็นรถยนต์ประเภทใดและเหมาะกับการทำประกันชั้น 1 หรือไม่ หากเข้าข่ายดังต่อไปนี้ ก็เหมาะกับการทำประกันชั้น 1  

1.1 รถป้ายแดง เนื่องจากรถป้ายแดงมีความเสี่ยงที่จะเกิด อุบัติเหตุ รวมไปถึง เหตุการณ์ ไม่คาดฝัน เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม เป็นต้น การทำประกันชั้น 1 ไม่เพียงแค่คุ้มครองตัวรถ แต่ยังครอบคลุมไปถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น 

1.2 รถหรูซูเปอร์คาร์ เนื่องจากเป็นรถยนต์ที่มีมูลค่า ราคาค่อนข้างแพง ดังนั้นกรณีที่เกิดอุบัติเหตุและไม่มี ประกันชั้น 1 คู่กรณีก็อาจจะไม่สามารถชดเชยค่าเสียหาย หรือค่าซ่อมรถให้กับเราได้ เท่ากับมูลค่าที่เสียไป 

1.3 มือใหม่หัดขับ แน่นอนว่าสำหรับคนที่เป็นมือใหม่หัดขับ ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นการมี ประกันชั้น 1 ไว้ ก็จะช่วยในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน 

C:\Users\thanapornhan\AppData\Local\Microsoft\Windows\INetCache\Content.Word\2.png

ระยะเวลาในการเคลมประกันชั้นหนึ่ง 

  กรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าผู้ขับขี่จะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิดก็ตาม ประกันชั้น 1 จะต้องคุ้มครองคุณเสมอ ตลอดอายุการเอาประกัน แต่ต้องอ่านรายละเอียดในกรมธรรม์ว่ามีเงื่อนไขบางอย่าง ที่อาจจะส่งผลต่อการต่ออายุประกันในปีหน้า ยกตัวอย่างเช่น กรณี ที่มีการเคลมประกัน ในปีต่อไปเบี้ยประกันอาจจะเพิ่มขึ้น หรือในกรณีที่ ปีแรก ๆ ของการทำประกัน ไม่มีการเคลมประกันเลย ในปีต่อไป อาจจะได้รับส่วนลดจากเบี้ยประกัน เป็นต้น 

  การทำเรื่องเคลม ประกันภัย รถยนต์ชั้น 1 มี 2 แบบ 

1. การเคลมประกันแบบแห้ง 

เป็นกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์มานานแล้ว แต่ผู้ขับขี่ หรือเจ้าของผู้เอาประกันเพิ่งทราบ เช่น กรณีที่มีรถคันอื่นเฉี่ยวชนรถเรา โดยที่เราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ โดยปกติถ้ามีการแจ้งการเคลมประกันแบบแห้ง จะมีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 

2. การเคลมประกันแบบสด 

มักจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีคู่กรณีอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ ทันทีที่เกิดเหตุการณ์แล้วมีการโทรเรียกประกันในทันที ต่างฝ่ายต่างเรียกประกันเพื่อ เคลมความเสียหายที่เกิดขึ้นในทันที 

3. การเคลมประกันสำหรับความเสียหายหนัก 

สามารถเป็นได้ทั้งแบบแห้งและแบบสด แต่จะเป็นในกรณีที่รถมีความเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ เป็นต้น 
  สุดท้ายนี้ การทำ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นเรื่องที่ควรจะมีติดรถไว้ เพราะเราไม่รู้หรอกว่า อุบัติเหตุต่าง ๆ จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ดังนั้นมีประกันรถไว้อุ่นใจกว่า อย่าลืมศึกษาเงื่อนไขก่อนทำประกันทุกครั้ง

อ่านเพิ่มเติม: ปัญหา โช้คอัพรถยนต์

7 ธันวาคม 2022 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • …
  • 22

ติดตามเรา

Facebook Twitter Instagram Youtube

หมวดหมู่

  • ข่าวสาร (3)
  • บทความแนะนำ (219)
  • มอเตอร์ไซค์ (16)
  • รถยอดฮิต (35)
  • รีวิวรถ (17)
  • แต่งรถ (23)
  • ไม่มีหมวดหมู่ (9)

เรื่องล่าสุด

  • อย่ามองข้าม รถโดนน้ำท่วม วิธีเช็ค และ ข้อปฏิบัติ หลังน้ำท่วมที่คนมีรถต้องรู้

    31 มกราคม 2023
  • สังเกตอาการ เสียงรถยนต์ดัง ผิดปกติ อย่านิ่งนอนใจ เสียงดัง ผิดปกติบอกอะไรบ้าง?

    28 มกราคม 2023
  • จอดรถนาน อาการเหล่านี้จะถามหา ปัญหา รถไม่ค่อยได้ขับ ที่ทุกคนควรรู้

    25 มกราคม 2023

เรื่องแนะนำ

  • อย่ามองข้าม รถโดนน้ำท่วม วิธีเช็ค และ ข้อปฏิบัติ หลังน้ำท่วมที่คนมีรถต้องรู้

    31 มกราคม 2023
  • สังเกตอาการ เสียงรถยนต์ดัง ผิดปกติ อย่านิ่งนอนใจ เสียงดัง ผิดปกติบอกอะไรบ้าง?

    28 มกราคม 2023
  • จอดรถนาน อาการเหล่านี้จะถามหา ปัญหา รถไม่ค่อยได้ขับ ที่ทุกคนควรรู้

    25 มกราคม 2023
  • Facebook
  • Twitter
  • Instagram
  • Youtube

@2021 - All Right Reserved. Designed and Developed by ยานยนต์.net