ยานยนต์.net
  • หน้าแรก
  • ข่าวสาร
  • รถยอดฮิต
  • รีวิวรถ
  • บทความแนะนำ
@2021 - All Right Reserved. Designed and Developed by ยานยนต์.net
Category:

บทความแนะนำ

บทความแนะนำ

อย่ามองข้าม รถโดนน้ำท่วม วิธีเช็ค และ ข้อปฏิบัติ หลังน้ำท่วมที่คนมีรถต้องรู้

by yanyon 31 มกราคม 2023
written by yanyon
รถโดนน้ำท่วม

ในหลาย ๆ ปีมานี้ เรียกได้ว่าปริมาณน้ำที่ไหลท่วมในแต่ละพื้นที่ มีปริมาณมากขึ้นจนน่าตกใจ และที่สำคัญพบว่า หลาย ๆ พื้นที่นั้น ก็เกิดภาวะน้ำท่วมรถยนต์เสียหาย วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปรู้จักกับ รถโดนน้ำท่วม วิธีเช็ค และ ข้อปฏิบัติ หลังน้ำท่วมที่คนมีรถต้องรู้ 

วิธีการเช็ค รถโดนน้ำท่วม 4 ระดับ และ ข้อปฏิบัติ หลังน้ำท่วมที่คนมีรถต้องรู้ 

1. ข้อปฏิบัติ รถ โดนน้ำท่วม ระดับที่ 1 ระดับน้ำท่วมสูงถึงพื้นรถยนต์ แต่ไม่ถึงเบาะ 

1.1 ตรวจสอบระบบเบรกทั้ง 4 ล้อ หากรถแช่น้ำเป็นเวลานาน อาจจะทำความเสียหายให้กับล้อรถโดยเฉพาะบริเวณที่เป็นเหล็กและโลหะ ดังนั้นต้องเช็คบริเวณล้อรถทั้ง 4 ล้อด้วย รวมไปถึงบริเวณใต้ท้องรถและผ้าเบรก 

  1.2 ห้องเครื่อง สะพานแอร์ ไดสตาร์ท และคลัทช์คอมแอร์ ต้องรีบทำการตรวจสอบเพราะอาจจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายหรือเป็นปัญหาระยะยาว 

  1.3 พรมห้องโดยสาร จะต้องมีการตรวจเช็คและนำไปซักและตากแห้ง ห้ามทิ้งไว้ในรถเป็นอันขาด เพราะจะทำให้เกิดความเปลี่ยนชื้น เชื้อรา และสิ่งสกปรกอื่น ๆ ตามมาด้วย

D:\ส่วนตัว\บทความ\จ้างงาน\งานที่ 12 เกี่ยวกับรถ เสนอชื่อ ผ่าน 50 บท\HH281222.01-50\HH281222.48\96.png

2. ข้อปฏิบัติ รถ โดนน้ำท่วม ระดับที่ 2 ระดับน้ำท่วมถึงเบาะที่นั่ง หรือบริเวณเบาะผู้โดยสาร

2.1 แบตเตอรี่ เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เมื่อน้ำลดไปแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำไม่ใช่การสตาร์ทรถ แต่จะต้องทำการถอดแบตเตอรี่ออก ก่อนจะสร้างความเสียหายให้กับห้องเครื่องยนต์ 

  2.2 ห้องเครื่องยนต์ กล่อง ECU เป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในการควบคุมรถยนต์ จะเรียกว่าเป็นระบบสมองกลของรถยนต์ก็ว่าได้ 

  2.3 พัดลมระบายความร้อน รวมไปถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อยู่ในห้องเครื่อง ประเภทที่ใช้ระบายความร้อน 

  2.4 ระบบเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ครัวสายไฟ น้ำมันเครื่อง สายขั้วไฟ รวมไปถึงพวงมาลัยไฟฟ้า 

  2.5 สวิตซ์แผงประตู รวมไปถึงระบบเซ็นทรัลล็อค และชุดตู้แอร์ 

3. ข้อปฏิบัติ รถ โดนน้ำท่วม ระดับที่ 3 น้ำท่วมรถทั้งคัน สูงในระดับคอนโซลหน้าขึ้นไป 

เป็นระดับความเสียหายที่สูงที่สุด เพราะในกรณีนี้หมายถึง น้ำที่ท่วมไปถึงหลังคา อุปกรณ์ทั้งหมดในรถอาจมีความเสียหายได้ เมื่อน้ำลดแล้วสิ่งที่จะต้องทำคือ ห้ามสตาร์ทรถ เพราะจะทำให้ระบบไฟฟ้าลัดวงจร จะต้องถอดแบตเตอรี่ออกทันที หลังจากนั้นจะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญ หรือนำรถเข้าไปซ่อมยังศูนย์บริการ จะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายของเหลวทุกอย่างในรถ เช่น น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำมันเครื่อง รวมไปถึงสารหล่อลื่นต่าง ๆ หรือและระบบตรวจเช็คไฟฟ้าทั้งหมดในรถยนต์ สภาพรถอาจจะไม่สามารถกลับมาได้ 100% เพียงเท่านี้เราก็มีวิธีการเช็คเบื้องต้นแล้วว่า หาก รถ โดนน้ำท่วม เราจะมี ข้อปฏิบัติ อย่างไร อย่าลืมว่าเมื่อน้ำท่วมนั้น ก็จะทำให้เกิดความเสียหายค่อนข้างมาก เราจำเป็นจะต้องมีการเตรียมเงินสำหรับใช้ในการซ่อมแซมรถของเราด้วย

อ่านเพิ่มเติม: เสียงรถยนต์ดัง

31 มกราคม 2023 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

สังเกตอาการ เสียงรถยนต์ดัง ผิดปกติ อย่านิ่งนอนใจ เสียงดัง ผิดปกติบอกอะไรบ้าง?

by yanyon 28 มกราคม 2023
written by yanyon
เสียงรถยนต์ดัง

เมื่อเราใช้รถมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน การเสื่อมสภาพของรถ ก็ย่อมตามมาบ่อยครั้ง เช่น เสียงรถยนต์ดัง ผิดปกติ เมื่อเรานำรถยนต์ไปตรวจสอบก็จะพบว่ามีการเสื่อมสภาพอยู่หลายจุด ดังนั้นสิ่งที่เราจะต้องทำคือ สังเกต อาการของรถยนต์เราด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันนี้เราจะพาคุณไปสังเกตอาการ รถยนต์ เสียงดัง ผิดปกติ เหล่านี้ บ่งบอกอะไรบ้าง 

สังเกตอาการ เสียงรถยนต์ดัง ผิดปกติ อย่านิ่งนอนใจ เสียงดัง ผิดปกติบอกอะไรบ้าง? 

1. เสียง รถยนต์ดัง เสียงแหลม ๆ 

วิธีการสังเกตง่าย ๆ นั่นก็คือเมื่อเราสตาร์ทรถใหม่ ๆ จะมี เสียงดัง ลักษณะแหลมเล็ก หรือเสียงแหลม ๆ ที่เกิดขึ้นแบบต่อเนื่อง สาเหตุนี้มักจะเกิดจาก สายพานเก่าหรือสายพานกระด้าง จนทำให้เกิดอาการเสียดสีกันของร่องพูลเลย์ จนทำให้สายพานหลายจุดมีความแข็งกระด้าง เช่น สายพานพวงมาลัยพาวเวอร์ สายพานแอร์ และสายพานไดชาร์จ เป็นต้น หากได้ยินเสียงลักษณะดังกล่าว ควรจะมีการเปลี่ยนสายพานใหม่

D:\ส่วนตัว\บทความ\จ้างงาน\งานที่ 12 เกี่ยวกับรถ เสนอชื่อ ผ่าน 50 บท\HH281222.01-50\HH281222.49\98.png

2. เสียงรัว ๆ คล้ายเสียงโลหะกระทบกัน 

หากเกิดเสียงรัว ๆ เหมือนกับโลหะกระทบกัน ซึ่งลักษณะเสียงนี้อาจจะไม่ได้ดังมาก แต่มันก็ทำให้รู้สึกกวนใจอยู่ วิธีการคือต้องเช็คที่บริเวณห้องเครื่อง โดยการเปิดฝากระโปรงออก จากนั้นให้สังเกตไปบริเวณเหนือฝา ซึ่งอาจจะเกิดจากวาล์ว หากเป็นรถใหม่ อาจจะเกิดจากการที่วาวมีลักษณะเคลื่อนห่างไปจากปกติ แต่หากเป็นรถเก่า มักจะเกิดจากการที่วาล์วสึกหรอไปตามการใช้งาน 

3. เสียงดัง เหมือนเสียงเคาะหนัก ๆ 

หากได้ยิน เสียง รถยนต์ดัง เหมือนเสียงเคาะหนัก ๆ อาจจะมาจากเสียงห้องเครื่องโดยสารเป็นระยะ ๆ จะต้องรีบแก้ไขในทันที เพราะนั่นหมายถึงเครื่องยนต์มีปัญหา อาจจะเกิดมาจากการที่ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์สึกหรอ จนเกิดเสียสมดุล และเกิดแรงเหวี่ยงทำให้เครื่องยนต์กระทบไปมา หรืออาจจะเกิดจากเครื่องยนต์ทำงานโดยไม่มีน้ำมันเครื่องเหลืออยู่ จะส่งผลอันตรายต่อเครื่องยนต์เช่นกัน 

4. เสียงจากท่อไอเสีย 

หากได้ยิน เสียง รถยนต์ดัง มาจากบริเวณท่อไอเสีย ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ว่า ท่อไอเสียจะมีการรั่ว ตรงบริเวณจุดใดจุดหนึ่ง หรือบริเวณหม้อพักท่อไอเสียก็ได้ 

5. เสียงผิดปกติเมื่อมีการเหยียบเบรก 

เมื่อเวลาเหยียบเบรกแล้วมี เสียงเอี๊ยดอ๊าด ๆ เป็นไปได้ว่าผ้าเบรกหมด ควรจะทำการเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ทันที 

6. เสียงดัง ปัง ๆ เมื่อมีการเร่งเครื่อง 

สันนิษฐานว่าเกิดจากการจุดระเบิดเครื่องยนต์มีปัญหา รวมไปถึงการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่ไม่สมบูรณ์ อาจจะมีสาเหตุมาจาก หัวเทียน จานจ่าย รวมไปถึงคอยล์จุดระเบิด มีปัญหา เป็นต้น บอกเลยว่าหาคุณพบสัญญาณเหล่านี้กับรถของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสียง รถยนต์ดัง และมี เสียงดัง ผิดปกติมาจากอุปกรณ์หลายส่วน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีบนำรถเข้าเช็คตามศูนย์บริการต่าง ๆ และให้ช่างผู้ชำนาญการเป็นผู้ตรวจสอบ หากไม่ทำการซ่อมหรือแก้ไข จะทำให้ส่งผลเสียในระยะยาวได้ 

อ่านเพิ่มเติม: รถไม่ค่อยได้ขับ

28 มกราคม 2023 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

จอดรถนาน อาการเหล่านี้จะถามหา ปัญหา รถไม่ค่อยได้ขับ ที่ทุกคนควรรู้

by yanyon 25 มกราคม 2023
written by yanyon
รถไม่ค่อยได้ขับ

โดยปกติส่วนใหญ่แล้วเราก็จะซื้อรถเพื่อใช้งาน บางคนใช้รถเพื่อใช้ทำการค้าขาย บางคนใช้รถเพื่อโดยสารไปทำงานหรือทำประโยชน์อื่น ๆ แต่ก็มีหลายครั้งเหมือนกันที่หลาย ๆ คน ซื้อรถออกมาแล้วแต่กลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่เราจะต้อง work from home ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้หลาย ๆ คนต้องจอดรถทิ้งไว้ โดยที่ไม่ได้ออกไปไหน ดังนั้นวันนี้เราจึงจะพาทุกคน ไปทำความรู้จัก จอดรถนาน อาการเหล่านี้จะถามหา และปัญหา รถไม่ค่อยได้ขับ ที่คนมีรถต้องรู้ 

รถไม่ค่อยได้ขับ ปัญหาที่พบ หลังจอดรถทิ้งเป็นเวลานาน 

1. น้ำมัน และน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ 

รถที่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน ส่งผลให้ของเหลวที่อยู่ในเครื่องก็จะเสื่อมสภาพ เพราะเชื้อราและแบคทีเรียต่าง ๆ ก็จะทำงาน จากการที่รถไม่มีการขยับ จนทำให้ระบบการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ปัญหาเครื่องยนต์ก็จะตามมาได้ 

2. เกิดปัญหารถสตาร์ทไม่ติด 

การ จอดรถนาน จนเกินไป จะทำให้มอเตอร์เสื่อม มีแบตเตอรี่เสื่อม แบตเตอรี่หมด ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ทำให้รถของเราสตาร์ทไม่ติด อาจจะต้องใช้วิธีการ พ่วงแบตเตอรี่จากรถคันอื่น รวมไปถึงการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่

D:\ส่วนตัว\บทความ\จ้างงาน\งานที่ 12 เกี่ยวกับรถ เสนอชื่อ ผ่าน 50 บท\HH281222.01-50\HH281222.50\100.png

3. ยางรถแบน 

แน่นอนว่า รถ ไม่ค่อยได้ขับ และ จอดรถนาน เกินความจำเป็น ก็จะทำให้ยางรถเสื่อมสภาพ ยางรถเองก็จะแบนลงไปเรื่อย ๆ รวมไปถึงการจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ทำให้ยางรถรับน้ำหนักอยู่ด้านเดียว และเมื่อเราใช้งาน ก็จะทำให้พื้นผิวของยางรถไม่สม่ำเสมอ 

4. เสี่ยงต่อการเป็นที่อาศัยของสิ่งมีชีวิตบางประเภท 

แน่นอนว่าเมื่อรถไม่ได้มีการขยับ สิ่งมีชีวิตบางอย่างก็อาจจะเข้าไปอาศัย หรือสร้างรัง ไม่ว่าจะเป็น หนู งู หรือแมลงสาบ เป็นต้น นอกจากจะใช้เป็นแหล่งที่พักอาศัยแล้ว สัตว์เหล่านี้อาจจะทำอันตราย กลับรถของเรา ไม่ว่าจะเป็นการกัดแทะสายไฟ รวมไปถึงอุปกรณ์เบาะรถยนต์ต่าง ๆเป็นต้น 

5. สภาพรถเสื่อมโทรม 

  จอดรถนาน และ รถ ไม่ค่อยได้ขับ สภาพรถก็จะถูกฝุ่นเกาะ ผ่านแดดลมฝน จนทำให้สภาพเสื่อมโทรม เช่นเดียวกับบ้านที่ไม่มีคนอยู่ สีถลอกหรือซีด จาง ได้ 

วิธีการป้องกันปัญหา 

1. สตาร์ทรถอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ขับรถบ้าง เพื่อให้เกิดการเผาผลาญของน้ำมันบ้าง 

2. เช็คอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ เปลี่ยนแบตเตอรี่ตามรอบอายุการใช้งาน 

3. หาสิ่งที่ขับไล่หนู หรือแมลงมาวางไว้ในรถบ้าง 

4. นำรถไปล้างอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และคลุมด้วยผ้าคลุมรถ รถไม่ค่อยได้ขับ และ จอดรถนาน เกินความจำเป็น ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้รถของเราเก่า และกลายเป็นรถที่ไม่ได้รับการดูแล ดังนั้น แม้ว่าเราจะไม่สามารถออกไปไหนได้ในช่วงสถานการณ์โควิด เราก็ยังสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนง่าย ๆ เพื่อเป็นการป้องกันรถเรา เพื่อช่วยดูแลอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่าง ๆ ในรถอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ด้วย 

อ่านเพิ่มเติม: รู้จัก หม้อลมเบรค

25 มกราคม 2023 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

รู้จัก หม้อลมเบรค สังเกต อาการหม้อลมเบรครั่ว ก่อนสาย อันตรายมากกว่าที่คุณคิด

by yanyon 22 มกราคม 2023
written by yanyon
รู้จัก หม้อลมเบรค

หลายคนอาจจะคิดว่าการบำรุงเครื่องยนต์ สำหรับรถยนต์ก็เพียงพอแล้ว แต่คุณหารู้ไม่ว่า จริง ๆ แล้วระบบที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้ชีวิตของคุณปลอดภัยบนท้องถนน นั่นก็คือระบบเบรก ดังนั้นวันนี้ เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับตัวอุปกรณ์อีกหนึ่งอย่างที่ถ้าหากเกิดความเสียหาย ก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายกับชีวิตของเราได้ นั่นก็คือ รู้จัก หม้อลมเบรค  คืออะไร และ อาการหม้อลมเบรครั่ว 

รู้จัก หม้อลมเบรค คืออะไร 

เป็นอุปกรณ์ตัวหนึ่ง ที่จะช่วยในการผ่อนแรงเมื่อมีการเหยียบเบรก และจะทำงานด้วยระบบสุญญากาศ หลังจากที่มีการสตาร์ทรถ บริเวณดังกล่าวจะมีการดูดอากาศและทำการจุดระเบิด จนอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าสุญญากาศ ในเวลานั้นเราก็จะสามารถเหยียบเบรกรถได้อย่างนุ่มนวลขึ้น  

อาการหม้อลมเบรครั่ว 

1. เมื่อเราเหยียบแป้นเบรกแล้วรู้สึกว่า แป้นเบรกมีการจมลงไปมากกว่าปกติ นอกจากนี้ให้สังเกตว่ามีเสียงดังของลมออกมาหรือไม่ ลักษณะเสียงจะดังฟู่ ๆ  

2. เมื่อทำการเหยียบแป้นเบรกแล้ว รู้สึกว่าแป้นเบรกมีความแข็งจนต้องออกแรงเหยียบเบรกมากกว่าปกติ หรือรถมีอาการเบรกไม่อยู่ เบรกแล้วแต่ยังไหล ต้องเผื่อระยะในการเบรกมากกว่าปกติ 

3. แผ่นไดอะเฟรมอาจจะรั่ว สังเกตจากขณะที่เท้าเหยียบเบรคอยู่นั่น แป้นเบรกดันสูงขึ้น 

D:\ส่วนตัว\บทความ\จ้างงาน\งานที่ 12 เกี่ยวกับรถ เสนอชื่อ ผ่าน 50 บท\HH281222.01-50\HH281222.11\22.png

  วิธีการตรวจสอบ การกักเก็บลมสูญญากาศ

เริ่มต้นด้วยการสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 – 3 นาที หลังจากนั้นให้ทำการดับเครื่อง แล้วทำการเหยียบแป้นเบรกให้สุด ปล่อยออก สามครั้ง โดยให้มีระยะเวลาห่างกันครั้งละห้าวินาที หากแป้นเบรกมีความสูงขึ้นเล็กน้อย เพราะการเหยียบแป้นเบรก ในขณะที่เครื่องยนต์ดับนั้น หม้อลมเบรค ที่กักเก็บลมก็จะหมดลงไป หากแป้นเบรกไม่กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม แสดงว่าเป็น อาการหม้อลมเบรครั่ว 

อันตรายจากหม้อลมเบรครั่ว 

แน่นอนว่าถึงแม้รถของเราจะมี อาการหม้อลมเบรครั่ว และรถของเรายังสามารถวิ่งต่อไปได้ แต่ด้วยความผิดปกติจากอาการดังกล่าว ที่กล่าวไปข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นการเหยียบเบรกแล้วเบรกไม่สามารถทำงานได้ปกติ ย่อมส่งผลต่อในระยะยาว และหากปล่อยทิ้งไว้ไม่มีการดำเนินการแก้ไข ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อคุณต้องเดินทางไกล การขับขี่บนทางลาดชัน รวมไปถึงการจอดรถไว้ในพื้นที่ลาดชัน ก็มีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดรถไหล อุบัติเหตุต่าง ๆ ก็จะตามมา 

การดูแลรักษา หม้อลมเบรค เบื้องต้น 

ให้สังเกตุว่าหากน้ำมันเบรกมีการลดลงไปบ่อย หรือว่ามีการพร่องลงไปเกินความจำเป็น หรือมีคราบน้ำมันรั่วซึมตามบริเวณ หม้อลมเบรค โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ หรือนำเข้าศูนย์บริการรถยนต์ เพื่อทำการตรวจสอบและเปลี่ยนใหม่ทันที 
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าการทำงานของ หม้อลมเบรค นั้นมีความสำคัญอย่างมาก ดังนั้นหากตรวจพบ อาการหม้อลมเบรครั่ว จะต้องรีบนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนใหม่ในทันที การให้ความสำคัญกับเบรกถือเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับผู้ขับขี่ ดังนั้นอย่ารอให้เกิดอุบัติเหตุ หมั่นนำรถตรวจเช็คสภาพตามระยะเวลาด้วย

อ่านเพิ่มเติม: อย่าเพิ่งออกรถถ้ายังไม่รู้สิ่งนี้

22 มกราคม 2023 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

อย่าเพิ่งออกรถถ้ายังไม่รู้สิ่งนี้ ผ่อนรถ ผ่อนน้อย ผ่อนนาน ดาวน์ 0% ดีจริงหรือไม่

by yanyon 19 มกราคม 2023
written by yanyon
อย่าเพิ่งออกรถถ้ายังไม่รู้สิ่งนี้

ปัจจุบันการจะซื้อรถสักคันถือว่าเป็นเรื่องไม่ยากอีกต่อไปเพราะในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าหลายๆบริษัทต่างออกมาจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้กับผู้ที่สนใจจะมีรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทไฟแนนซ์เจ้าใหญ่ ๆ ที่มักจะออกแคมเปญ ฟรีดาวน์ ผ่อนน้อย ผ่อนนาน เป็นที่ล่อตาล่อใจของใครหลายๆคนที่อาจจะมีรถเป็นของตัวเอง อย่าเพิ่งออกรถถ้ายังไม่รู้สิ่งนี้ ดังนั้นวันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปรู้จักกับ การ ผ่อนรถ และ ดาวน์ 0% ดีจริงหรือไม่ 

อย่าเพิ่งออกรถถ้ายังไม่รู้สิ่งนี้ ดาวน์ 0% มีอยู่จริง แต่ก่อนจะตัดสินใจต้องระวังอะไรบ้าง 

1. ดอกเบี้ยสูง 

ตามปกติแล้วถ้าเราจะ ผ่อนรถ สักหนึ่งคัน หากเรามีการวางเงินดาวน์ เป็นจำนวนมากจะทำให้ยอดคงเหลือที่จะนำมาคิดดอกเบี้ย น้อยลงไปด้วย ดังนั้นดอกเบี้ยจึงจะลดตามลงไป ยิ่งเรามีการจ่ายเงินดาวน์สูงเท่าไหร่ดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นจากเงินต้นที่เหลือก็จะน้อยลงเท่านั้น  

2. มียอดผ่อนต่อเดือนสูง 

เมื่อเราซื้อรถแบบฟรีดาวน์ ทำให้เงินต้นที่บวกดอกเบี้ย มียอดสูง เมื่อทางบริษัทไฟแนนซ์มีการนำไปจับ และหารเฉลี่ยต่อเดือนออกมาจึงทำให้ยอดผ่อนต่อเดือน สูงตามไปด้วย เพราะจะมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 7%

D:\ส่วนตัว\บทความ\จ้างงาน\งานที่ 12 เกี่ยวกับรถ เสนอชื่อ ผ่าน 50 บท\HH281222.01-50\HH281222.10\20.png

3. ดาวน์ 0% ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้จ่ายดอกเบี้ย 

หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า การดาวน์รถ 0% คือการที่เราไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นความคิดที่ผิด เพราะในความเป็นจริงแล้ว ไฟแนนซ์ได้นำยอดเงินทั้งหมด ไปจัดไฟแนนซ์ และได้ร่วมอัตราดอกเบี้ยเข้าไปแล้ว 

4. ข้อดีของการ ผ่อนรถ ด้วยการ ดาวน์ 0% 

สำหรับวิธีการนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่จะเหมาะกับคนที่สามารถบริหารจัดการเงินได้ดี เป็นไปตามระยะเวลาที่เขากำหนด ที่สำคัญทำให้เราไม่ต้องจ่ายเงินก้อนในวันออกรถ ช่วยลดภาระในการผ่อน และยังสามารถนำรถออกมาใช้ก่อนได้ แม้จะไม่มีเงินก้อน 

5. ข้อเสียของการ ผ่อนรถ ด้วยการ ดาวน์ 0% 

เพิ่มภาระในการผ่อนต่อเดือน เนื่องจากวงเงินสินเชื่อที่ขอกู้สูงขึ้น เมื่อนำไปคำนวณแล้วจะเสียดอกเบี้ยมากกว่า นอกจากนี้ โปรโมชั่นดังกล่าวอาจจะมาในรูปแบบของส่วนลดเงินดาวน์ ที่เราจะต้องเป็นผู้จ่าย VAT 7% สำหรับยอดส่วนลดที่ได้รับด้วย ดังนั้นผู้ซื้อควรจะเช็คเงื่อนไข ดอกเบี้ย รวมไปถึงรายละเอียดอื่น ๆ ก่อนตัดสินใจ เพราะเมื่อการผ่อนต่อเดือน มียอดที่สูงเกินไป อาจจะทำให้เราไม่สามารถง่ายงวดรถต่อเดือนได้ครบ  
ก่อนการ ผ่อนรถ ควรจะมีการศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ หากไม่ทราบก็ควรจะมีการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือคนใกล้ตัวที่เคยมีประสบการณ์ในการ ผ่อนรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันโปรโมชั่นต่าง ๆ รวมไปถึง การ ดาวน์ 0% เป็นที่ล่อตาล่อใจของใครหลายคน จนลืมศึกษาไปว่า อัตราดอกเบี้ยที่บวกไปกับค่างวดต่อเดือนนั้น สูงจนบางคนไม่สามารถผ่อนต่อได้ ดังนั้นการผ่อนดังกล่าว อาจจะไม่เหมาะกับทุกคน

อ่านเพิ่มเติม: ล้างรถ ที่บ้าน

19 มกราคม 2023 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

ล้างรถ ที่บ้านอย่างไร ให้ใหม่เอี่ยมแบบไม่ต้องพึ่ง คาร์แคร์

by yanyon 16 มกราคม 2023
written by yanyon
ล้างรถ ที่บ้าน

การทำความสะอาดรถนั้นมีหลายวิธี และเรายังสามารถที่จะเลือกวิธีที่ง่ายที่สุดโดยการที่ ล้างรถ เองที่บ้าน โดยที่เราสามารถใช้อุปกรณ์และการเรียนรู้ขั้นตอนรวมไปถึงเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการป้องกันไม่ให้รถของเราเกิดรอยขีดข่วน ดังนั้นเพื่อเป็นการดูแลรถเองอย่างสม่ำเสมอและสามารถทำได้ที่บ้านของคุณ โดยที่ท่านไม่ต้องเสียเงิน วันนี้เราจึงจะนำเสนอวิธีการ ล้างรถที่บ้านอย่างไรให้ใหม่เอี่ยมโดยที่ไม่ต้องพึ่ง คาร์แคร์ 

ขั้นตอนและวิธีการ ล้างรถ ที่บ้านแบบถูกวิธีทำง่าย ๆ ด้วยตัวเองที่บ้าน 

1.  ควรเตรียมอุปกรณ์ล้างให้ครบถ้วน  

อุปกรณ์ที่ต้องใช้ ประกอบด้วย น้ำยาหรือแชมพูสำหรับล้างรถยนต์ ฟองน้ำเนื้อละเอียด ผ้าไมโครไฟเบอร์ แปรงสำหรับขัดล้อรถยนต์ สายฉีดน้ำ ถังน้ำจำนวน 2 ใบสำหรับใช้ผสมน้ำยา 1 ใบและสำหรับใส่น้ำสะอาด 1 ใบ  

D:\ส่วนตัว\บทความ\จ้างงาน\งานที่ 12 เกี่ยวกับรถ เสนอชื่อ ผ่าน 50 บท\HH281222.01-50\HH281222.09\18.png

2. วิธีการ ล้างรถที่บ้านง่าย ๆ โดยไม่ต้องพึ่ง คาร์แคร์ 

  2.1 ฉีดน้ำ สำหรับไล่คราบสกปรกและคราบฝุ่น การฉีดน้ำจะเป็นการไล่คราบสกปรกบางส่วน และทำให้ เศษดิน เศษฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ อ่อนตัวลงจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงในการขัดถู โดยการฉีดไล่จากด้านบนลงด้านล่างตัวรถ สังเกตได้ว่าถ้าหากเป็นการล้างที่ คาร์แคร์ มีการฉีดน้ำใส่รถของเราก่อนจะทำการขัด  

  2.3 ขัดและล้างล้อรถยนต์ด้วยน้ำยาให้สะอาด เพราะล้อเป็นบริเวณที่สกปรกที่สุดจึงต้องล้างเป็นอันดับแรก วิธีการคือใช้แปรง จุ่มไปที่ น้ำยา และทำการขัดล้างล้อรถยนต์ หลังจากนั้นถูด้วยฟองน้ำและล้างน้ำเปล่าให้สะอาด  

  2.4 ล้างด้วยน้ำยาจากบนลงล่าง ทำการจุ่มฟองน้ำลงไปในถังแล้วค่อย ๆ ลูบจากบริเวณด้านบนของตัวรถ ไล่ลงมาเรื่อย ๆ ไม่ต้องออกแรงมากเกินไปเพราะอาจจะทำให้รถเกิดรอยขีดข่วน 

  2.5 ฉีดน้ำล้างทำความสะอาดออกจากตัวรถ ล้างคราบน้ำยาและสิ่งสกปรกออกไปจากตัวรถให้หมด 

  2.6 เช็ดรถให้แห้งด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ วิธีการคือให้ถูไปในทางเดียวกันห้ามถูเป็นวงกลม  

  3. ข้อควรระวังในการล้างรถยนต์ 

ปกติเมื่อนำรถเข้าไปล้างที่ คาร์แคร์ เป็นการล้างทำความสะอาดในที่ร่มเป็นส่วนใหญ่ แต่หากที่บ้านของคุณ ไม่มีร่มหรือหลังคา แนะนำว่าไม่ควรล้าง ทำความสะอาดรถไหน ช่วงที่แดดจัด นอกจากนี้หลังล้าง ทำความสะอาดรถเสร็จแล้ว ไม่ควรปล่อยให้รถแห้งเอง และที่สำคัญ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอก แทนน้ำยาสำหรับ ล้างรถ ข้อพึงระวังอีกอย่างหนึ่งคือห้ามใช้ผ้าสกปรกทำความสะอาดตัวรถ เห็นหรือไม่ว่าการ ล้างรถ เองที่บ้านนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องพึ่ง คาร์แคร์ แต่อย่างใด นอกจากจะเป็นการเซฟเงินในกระเป๋าของคุณแล้ว เรายังสามารถล้างได้บ่อยเท่าที่เราต้องการ โดยที่เราควรจะมีการล้าง อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง อย่าลืมดูแลรักษารถของคุณ ให้ใหม่อยู่เสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น

อ่านเพิ่มเติม: รถสปอร์ต คุณภาพเยี่ยม

16 มกราคม 2023 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

รถสปอร์ต คุณภาพเยี่ยม ปี 2022 พร้อม วิธีการ ดูแลรักษารถสปอร์ต สำหรับมือใหม่

by yanyon 13 มกราคม 2023
written by yanyon
รถสปอร์ต คุณภาพเยี่ยม

เชื่อกันว่า รถสปอร์ต เป็นอีกหนึ่งรถในฝันของใครหลายคน และที่สำคัญด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม รูปทรงและการออกแบบอยู่คล่องตัว ตอบสนองได้ดีกับชีวิตของคนในเมือง แต่กระนั้นการเลือกซื้อรถที่มีราคาค่อนข้างสูงนี้ ก็มีความจำเป็นจะต้องศึกษาข้อมูลและรายละเอียดเป็นอย่างดี วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ รถสปอร์ต คุณภาพเยี่ยม ปี 2022 ที่ผ่านมา พร้อมวิธีการ ดูแลรักษารถสปอร์ต สำหรับมือใหม่ 

รถสปอร์ต คุณภาพเยี่ยม ปี 2022 พร้อม 5 วิธีการดูแลแบบพื้นฐาน 

1. Subaru WRX  

ราคาเริ่มต้น 2,959,000 บาท เรียกว่าเป็นรถระดับตำนาน ที่มีพละกำลังและแสดงศักยภาพให้เห็นมาแล้วทั่วโลก เชื่อกันว่าแฟนพันธุ์แท้ซูบารุต้องเป็นที่รู้จัก ด้วยสมรรถนะเจนเนอเรชั่นที่ 5 ที่มีกำลังสูงสุดถึง 275 แรงม้า วิธีการ ดูแลรักษารถสปอร์ต วิธีที่ 1 เช็คลมยางก่อนเดินทาง ดูแลลมยาง ก่อนการเดินทางทุกครั้ง 

2. BMW M4 

เริ่มต้น 7,999,000 บาท เป็น รถสปอร์ต ที่มีสมรรถนะสูง นอกจากนี้ยังออกแบบมาอย่างสวยงามโดดเด่น กระจังหน้าดีไซน์โฉบเฉี่ยวและดุดัน ถือว่าเป็นรถยนต์ที่มีสมรรถนะแรงที่สุดในกลุ่มของ BMW 4 Series Coupé M Automobiles นำระบบขับเคลื่อนจากรถแข่งมาใช้ วิธีการ ดูแลรักษารถสปอร์ต วิธีที่ 2 ตรวจสอบที่ปัดน้ำฝนและกระจกปัดน้ำฝนอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง ตรวจเช็คเครื่องยนต์ตามรอบ ตามระยะ

D:\ส่วนตัว\บทความ\จ้างงาน\งานที่ 12 เกี่ยวกับรถ เสนอชื่อ ผ่าน 50 บท\HH281222.01-50\HH281222.08\16.png

3. Audi A5 

เริ่มต้น 2,799,000 บาท ถือว่าเป็นรถในฝันที่มีราคาไม่สูงมาก แต่ดันมีการออกแบบในสไตล์ที่ดุดัน มีการอัพเกรดไฟหน้าแบบใหม่ให้มีความอัจฉริยะและสว่างขึ้นมาพร้อมกับไฟเลี้ยว Dynamic เรียกได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคากับสมรรถนะที่สูงถึง 190 แรงม้า วิธีการ ดูแลรักษารถสปอร์ต วิธีที่ 3 หมั่นตรวจสอบหม้อน้ำให้มีความพร้อมอยู่อย่างสม่ำเสมอ เติมน้ำลงไปในหม้อน้ำที่สะอาดตามขีดที่พร่อง เพื่อช่วยระบายความร้อน 

4. Audi TT RS 

เริ่มต้น 5,299,000 บาท เป็น รถสปอร์ต สองประตูที่มีดีไซน์ขนาดใหญ่ เป็นเครื่องยนต์ที่ดีที่สุด ด้วยพละกำลังแรงม้า มากกว่า 400 แรงม้า นอกจากนี้ยังใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่มาพร้อมกับออปชั่นและชุดแต่งรถครบครัน สมฐานะ วิธีการ ดูแลรักษารถสปอร์ต วิธีที่ 4 หมั่นตรวจสอบลมยาง และอะไหล่รถยนต์อย่างสม่ำเสมอหรืออย่างน้อย ๆ ก่อนการเดินทางทุกครั้ง 

5. Mercedes-AMG C43 

เริ่มต้น 4,490,000 บาท รถที่ได้รับความนิยมแนวหน้าของโลก ไม่ต้องพูดถึงว่าความโดดเด่น สไตล์พรีเมี่ยมนั้นมากเท่าใด ด้วยลุคสปอร์ตแบบระดับพรีเมียม จุดเด่นคือพวงมาลัยมีความแม่นยำ และมีโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย สามารถตอบทุกโจทย์การใช้งาน วิธีการ ดูแลรักษารถสปอร์ต วิธีที่ 5 ตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง เพื่อปรับสภาพของระดับน้ำมันให้อยู่ในคุณภาพที่ดี และรักษาปริมาณน้ำมันเครื่องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สุดท้ายแล้ว วิธีการ ดูแลรักษารถสปอร์ต ที่อาจจะมองดูธรรมดานี้ ความจริงแล้วเป็นพื้นฐานของการดูแลรักษารถยนต์ ทั่วไป ที่ไม่ว่าจะเป็นรถราคาแพงขนาดไหนก็จำเป็นที่จะต้องได้รับพื้นฐานการดูแลรถที่มีคุณภาพเช่นเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นรถทั่วไปหรือ รถสปอร์ต ก็อย่าละเลยการดูแลรถขั้นพื้นฐานเหล่านี้เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถให้สามารถอยู่กับเราไปได้นาน ๆ  

อ่านเพิ่มเติม: เกมรถแข่งบนมือถือ

13 มกราคม 2023 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

ต้อนรับ 2023 ด้วย เกมรถแข่ง ยอดนิยม เกมรถแข่งบนมือถือ สำหรับมือใหม่

by yanyon 10 มกราคม 2023
written by yanyon
เกมรถแข่งบนมือถือ

ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้ที่โทรศัพท์มือถือแทบจะเป็นสิ่งรวมความบันเทิงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง การฟังเพลง รวมไปถึงการเล่นเกมบนมือถือ ซึ่งแน่นอนว่าปัจจุบันนี้เกมก็มีหลากหลายให้กับเราเลือก และยังมีหลายเวอร์ชั่นทั้งสำหรับเด็ก สำหรับผู้ใหญ่ ก็สามารถเล่นเกมบนมือถืออย่างมีความสุขได้ และแน่นอนวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ เกมรถแข่ง ยอดนิยม และยังเป็น เกมรถแข่งบนมือถือ สำหรับมือใหม่  

เกมรถแข่งบนมือถือ สำหรับมือใหม่ ปี 2023 

1. KartRider : Drift 

หลังจากมีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปแล้วในปี 2021 และได้มีการปรับปรุงเป็นเวอร์ชันล่าสุดที่จะทำการเปิดตัวในเดือนมกราคม ปี 2023 นี้ เกมรถแข่ง ที่ถูกจับตามองอีกเกมหนึ่ง จุดเด่นของเกมคือมีโหมดสุดเจ๋ง ทดสอบความสามารถ มีโหมดความเร็ว โหมดไอเทมต่าง ๆ ซึ่งสามารถเลือกได้ และที่สำคัญเป็น เกมรถแข่ง บนมือถือ ที่มีโมทเกมให้เลือกสนุกได้หลากหลาย และมีตัวละครที่ค่อนข้างมาก ปรับแต่งรถได้ตามดีไซน์ที่ต้องการ

D:\ส่วนตัว\บทความ\จ้างงาน\งานที่ 12 เกี่ยวกับรถ เสนอชื่อ ผ่าน 50 บท\HH281222.01-50\HH281222.07\14.png

2. Asphalt 8 

เกมรถแข่ง พี่เชื่อกันว่าน่าจะเป็นเกมที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในระบบแอนดรอยด์ เนื่องจากประกอบไปด้วยกราฟิกชั้นสูง นอกจากนี้ยังมียานพาหนะ หรือรถแข่งที่ได้รับอนุญาตมากกว่า 300 อัน ทำให้เป็น เกมรถแข่ง บนมือถือ ที่ได้รับการดาวน์โหลดมากที่สุดในระบบแอนดรอยด์ 

3. Real Racing 3 

การันตีด้วยยอดการดาวน์โหลดมากถึง 5 ล้านครั้ง ในปี 2022 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า เกมแข่งรถ Real Racing 3 ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2022 และคงจะยาวนานต่อเนื่องไปจนปี 2023 อย่างแน่นอน จุดเด่นคือ มีโครงรถมากกว่า 43 แบบ และยังเป็นรถสปอร์ตที่มีรายละเอียดอย่างพิถีพิถันมากกว่า 250 คัน  

4. Need for Speed Unlimited 

เกมรถแข่ง นี้เป็นเกมที่การันตีด้านกราฟฟิค ระดับ HD จุดเด่นคือคุณสามารถปรับแต่งและอัพเกรดรถของคุณ ในสนามแข่งรถที่มีลักษณะเป็นเหมือนโลกเสมือนจริง ทำให้เรามีความสุขกับการแต่งรถ 

5. Traffic Rider 

ไม่ใช่แค่เกมแข่งรถยนต์เท่านั้นที่ได้รับความนิยม แต่ เกมรถแข่ง รถมอเตอร์ไซค์ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม เช่นกันกับ Traffic Rider จุดเด่นของเกมนี้คือเป็นการแข่งรถวิบาก  

6. Hill Climb Racing 2

อีกหนึ่งเกมแข่งรถในตำนาน ที่เล่นง่ายเล่นได้ทุกเพศทุกวัย และที่สำคัญยังมีมุมมองภาพแบบ 2D Side-Scrolling คือผู้เล่นจะสามารถมองเห็นมุมด้านข้างและบังคับรถได้ในระยะทางที่ใกล้ที่สุด ทั้งยังสามารถปรับแต่งตัวคาแรคเตอร์สุดกวนได้อีกด้วย

บอกเลยว่าสำหรับใครที่กำลังมองหา เกมรถแข่ง หรือ เกมรถแข่ง บนมือถือ ที่น่าสนใจและน่าจับตามอง ให้เราบรรดานักซิ่งทั้งหลายได้หัดขับ ให้ได้เล่นคลายเหงา ทั้งยังเป็นเครื่องฝึกฝนสำหรับบรรดานักขับทั้งหลายก่อนลงสนามจริง สร้างความบันเทิงให้แก่ทุกท่านได้อย่างแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม: สัญญาซื้อขายรถ

10 มกราคม 2023 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

การทำ สัญญาซื้อขายรถ และ เอกสารการทำสัญญาซื้อขาย ที่ต้องใช้และต้องทราบ

by yanyon 7 มกราคม 2023
written by yanyon
สัญญาซื้อขายรถ

สำหรับผู้ที่กำลังมีความคิดที่จะซื้อขายรถ ก็มีความจำเป็น นี้จะต้องศึกษาข้อมูล เกี่ยวกับเรื่องของ สัญญาซื้อขายรถ รวมไปถึง เอกสารการทำสัญญาซื้อขาย เพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และสามารถเก็บไว้เป็นหลักฐาน ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง วันนี้เราจึงจะพาทุกคน ไปทำความรู้จักกับ สัญญาในการซื้อขายรถ และเอกสารที่ใช้ในการทำสัญญาซื้อขาย ว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง 

การทำ สัญญาซื้อขายรถ และ เอกสารการทำสัญญาซื้อขาย ที่ต้องใช้และต้องทราบ 

1. สัญญาซื้อขายคืออะไร 

หนังสือ สัญญา ซื้อขายรถ ก็คือแบบฟอร์ม เอกสารการทำสัญญาซื้อขาย ในการซื้อขายที่บันทึกรายละเอียดของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์มือหนึ่ง รถยนต์มือสอง หรือการซื้อขายรถยนต์ในประเภทต่าง ๆ ซึ่งมักจะระบุรายละเอียดอย่างชัดเจน ทั้งตัวรถ รวมไปถึง รูปแบบของการชำระเงิน การขายดาวน์ การวางเงินมัดจำ เป็นต้น ซึ่งแบบฟอร์มไม่ได้มีตายตัว แต่โดยทั่วไปแล้วเราสามารถดาวน์โหลดเอกสารเหล่านี้ได้จากอินเทอร์เน็ตทั่วไป เมื่อกรอกแล้วสามารถนำสัญญาซื้อขายนี้ยื่นให้กับกรมขนส่งทางบกได้ 

2. ทะเบียนรถ 

ในกรณีที่เป็นรถยนต์มือสอง แล้วมีการทำ สัญญา ซื้อขายรถ จำเป็นจะต้องมีทะเบียนรถ หรือคู่มือ จดทะเบียนตัวจริง ส่วนในกรณีที่เป็นรถยนต์มือหนึ่ง และเราได้ทำการผ่อนดาวน์กับบริษัทไฟแนนซ์ เล่มทะเบียนตัวจริงจะอยู่กับบริษัทไฟแนนซ์ ส่วนผู้เช่าหรือผู้ผ่อนรถ จะได้รับเป็นตัวสำเนา เราจะต้องทำการตรวจสอบรายละเอียดว่า ตัวสีรถ เลขเครื่องยนต์ และตัวเลขทั้ง ตรงกับเล่มทะเบียน เมื่อมีการโอนรถแล้ว ชื่อนามสกุลและรายละเอียดข้อมูลของผู้รับโอน เป็นชื่อที่ถูกต้องตามผู้ซื้อหรือไม่ ให้ตรงกับ เอกสารการทำสัญญาซื้อขาย

D:\ส่วนตัว\บทความ\จ้างงาน\งานที่ 12 เกี่ยวกับรถ เสนอชื่อ ผ่าน 50 บท\HH281222.01-50\HH281222.06\12.png

3. ใบโอน และใบรับโอน 

เอกสารทั้งสองใบนี้จะต้องกรอกข้อมูลรถยนต์ที่ซื้อ ให้ตรงกับรายละเอียดของรถยนต์ ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องมีการเซ็นชื่อ ตรงผู้โอนและผู้รับโอน เพื่อเป็นการแจ้งต่อนายทะเบียนว่ามีการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์เพื่อเป็นหลักฐานทางราชการ ที่ระบุอย่างชัดเจนว่าทรัพย์สินดังกล่าวได้มีการโอนย้ายอย่างสมบูรณ์ แก่ผู้ซื้อและผู้ขาย 

4. สำเนาบัตรประชาชน 

สำเนาบัตรประชาชนของผู้รับโอน และสำเนาบัตรประชาชนของผู้โอน จะต้องมีการตรวจสอบว่าตรงกับเล่มทะเบียนรถยนต์ที่มีการซื้อขายหรือไม่ และที่สำคัญ บัตรประชาชนจะต้องไม่หมดอายุ ส่วนในกรณีที่มีการซื้อขายในนามบริษัท จะต้องมีหนังสือจดทะเบียนนิติบุคคลแนบมาด้วย ซึ่งถือว่าเป็น เอกสารการทำสัญญาซื้อขาย ที่สำคัญ ที่จะทำให้ สัญญา ซื้อขายรถ เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด 

5. ใบมอบอำนาจ (ถ้ามี) 

ในกรณีที่การซื้อขาย หรือการโอน จำเป็นต้องมีผู้อื่นดำเนินการแทน จำเป็นต้องมีการเซ็นใบมอบอำนาจ พร้อมระบุจุดประสงค์ สำหรับการโอนรถยนต์หรือแจ้งย้าย ให้ผู้ที่ได้รับมอบอำนาจไปจัดการที่ขนส่งได้ ความจริงแล้วนี่เป็นเพียงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้ผู้ที่กำลังทำ สัญญา ซื้อขายรถ รถยนต์ ได้จัดเตรียม เอกสารการทำสัญญาซื้อขาย ในขณะเดียวกัน ก็จะต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และอย่าลืมเก็บไปสัญญาซื้อขายและเอกสารต่าง ๆ ให้ดี เพื่อป้องกัน เหตุการณ์ไม่คาดคิด ที่อาจจะตามมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อรถยนต์มือสอง 

อ่านเพิ่มเติม: ห้ามทิ้งไว้ในรถ

7 มกราคม 2023 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บทความแนะนำ

สิ่งของต้องห้าม ห้ามทิ้งไว้ในรถ เสี่ยงเกิดอันตรายกับรถของคุณ

by yanyon 4 มกราคม 2023
written by yanyon
ห้ามทิ้งไว้ในรถ

เชื่อเหลือเกินว่า มีหลาย ๆ คนที่ ชอบเก็บสิ่งของไว้ในรถ และทำเหมือนกับว่ารถนั้นเป็นบ้านหลังที่สอง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ รองเท้า เสื้อผ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องเดินทาง รถจึงกลายเป็นสถานที่เก็บของ ที่เหมาะกับการใช้งาน และหยิบจับได้อย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มีสิ่งของหลายอย่างที่ไม่สามารถ ทิ้งไว้ในรถได้ ดังนั้นวันนี้ เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ สิ่งของต้องห้าม ห้ามทิ้งไว้ในรถ เสี่ยงเกิดอันตรายกับรถของคุณ 

สิ่งของต้องห้าม ห้ามทิ้งไว้ในรถ เสี่ยงเกิดอันตรายกับรถของคุณ 

1. กระป๋องสเปรย์ 

สิ่งของต้องห้าม ที่ ห้ามทิ้ง ไว้ในรถ เป็นอันขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณคอนโซลรถไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง ที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดความร้อนจากแสงแดด ซึ่งจะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี จากการอัดของสารเคมีในกระป๋องสเปรย์ เมื่อทำปฏิกิริยากับความร้อนอาจทำให้เกิดระเบิดขึ้นได้  

2. ขวดน้ำ 

เชื่อหรือไม่ว่าขวดน้ำสามารถจุดประกายไฟในรถได้ ดังนั้นเราไม่สามารถนำขวดน้ำ ไว้ในรถ เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่ขวดน้ำจะทำมุมกับแสงแดด จนทำให้เกิดแว่นขยาย การรวมตัวของแสงนี้ จึงทำให้เกิดความร้อนสูง จนอาจจะเป็นสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ 

D:\ส่วนตัว\บทความ\จ้างงาน\งานที่ 12 เกี่ยวกับรถ เสนอชื่อ ผ่าน 50 บท\HH281222.01-50\HH281222.04\8.png

3. ไฟแช็ก 

ไฟแช็ก สิ่งของต้องห้าม อีกหนึ่งอย่าง ที่ ห้ามทิ้ง ไว้ในรถ โดยเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรถเราจะต้องจอดอยู่ในที่ ที่มีความร้อนสูง และอาจมีผลให้อุณหภูมิสูงกว่า 50 องศาเซลเซียส เช่นเดียวกับสเปรย์กระป๋อง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการระเบิดหรือลุกไหม้ได้ 

4. โทรศัพท์มือถือ พาวเวอร์แบงค์ หรือแบตเตอรี่สำรอง 

สิ่งของต้องห้าม ประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีโอกาสต่อการเกิดระเบิดเมื่อเจอความร้อนสูง จึง ห้ามทิ้ง ไว้ในรถ เป็นอันขาด โดยเฉพาะพาวเวอร์แบงค์รุ่นเก่า หรือพาวเวอร์แบงค์ที่มีการเสื่อมคุณภาพ จึงเป็น สิ่งของต้องห้าม ที่สำคัญมาก ๆ ห้ามลืมไว้ในรถเป็นเด็ดขาด 

5. อาหาร ขนม ลูกกวาด 

เชื่อหรือไม่ว่าของกินเหล่านี้ อาจจะทำให้รถของคุณ กลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค สัตว์พาหะ ไม่ว่าจะเป็น มด หนู แมลงสาบ ที่จะเข้ามาทำลายอุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟ เบาะหนัง ที่คุณรัก ดังนั้นจึงไม่ควร ลืมสิ่งเหล่านี้ ไว้ในรถ 

6. แผ่นยางกันลื่น 

อุปกรณ์ที่สร้างความเสียหายในรถยนต์ ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดจากพลาสติก ยกตัวอย่างเช่นแผ่นยางกันลื่น อ้ากรถของท่านต้องจอดอยู่ใน พื้นที่หรือบริเวณที่มีความร้อนสูง เป็นเวลานาน ๆ ก็อาจจะทำให้ความร้อนนั้น ละลายพลาสติก จนติดกับคอนโซลรถ รวมไปถึงเกิดการลุกไหม้ได้ 

สิ่งของต้องห้าม ต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่ ห้ามทิ้ง ไว้ในรถ เพราะมันจะส่งผลต่อ ความเสี่ยงทั้งต่อตัวคุณและก็รถของคุณเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น การไม่ประมาทและเตรียมความพร้อม จึงเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ควรจะมี ก่อนลงรถทุกครั้ง ตรวจสอบอุปกรณ์ หรือสิ่งของที่มี และจัดการให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่ไม่คาดคิด 

อ่านเพิ่มเติม: ลมยางรถ

4 มกราคม 2023 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
  • 1
  • 2
  • 3
  • …
  • 22

ติดตามเรา

Facebook Twitter Instagram Youtube

หมวดหมู่

  • ข่าวสาร (3)
  • บทความแนะนำ (219)
  • มอเตอร์ไซค์ (16)
  • รถยอดฮิต (35)
  • รีวิวรถ (17)
  • แต่งรถ (23)
  • ไม่มีหมวดหมู่ (9)

เรื่องล่าสุด

  • อย่ามองข้าม รถโดนน้ำท่วม วิธีเช็ค และ ข้อปฏิบัติ หลังน้ำท่วมที่คนมีรถต้องรู้

    31 มกราคม 2023
  • สังเกตอาการ เสียงรถยนต์ดัง ผิดปกติ อย่านิ่งนอนใจ เสียงดัง ผิดปกติบอกอะไรบ้าง?

    28 มกราคม 2023
  • จอดรถนาน อาการเหล่านี้จะถามหา ปัญหา รถไม่ค่อยได้ขับ ที่ทุกคนควรรู้

    25 มกราคม 2023

เรื่องแนะนำ

  • อย่ามองข้าม รถโดนน้ำท่วม วิธีเช็ค และ ข้อปฏิบัติ หลังน้ำท่วมที่คนมีรถต้องรู้

    31 มกราคม 2023
  • สังเกตอาการ เสียงรถยนต์ดัง ผิดปกติ อย่านิ่งนอนใจ เสียงดัง ผิดปกติบอกอะไรบ้าง?

    28 มกราคม 2023
  • จอดรถนาน อาการเหล่านี้จะถามหา ปัญหา รถไม่ค่อยได้ขับ ที่ทุกคนควรรู้

    25 มกราคม 2023
  • Facebook
  • Twitter
  • Instagram
  • Youtube

@2021 - All Right Reserved. Designed and Developed by ยานยนต์.net