ฟิล์มรถยนต์ รู้ก่อนติด คิดก่อนเลือก

by yanyon
ฟิล์มรถยนต์

หลายคนเคยรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ช่วยให้รถเย็นสบายไม่ได้มีเพียงเครื่องปรับอากาศแต่ก็มีฟิล์มรถยนต์เป็นผู้ช่วยสำคัญอันดับหนึ่ง แต่ที่อาจจะไม่ค่อยรู้ก็คือประเภทของฟิล์มกับเบื้องหลังของมัน เรามาดูประเภทของฟิล์มที่มีในตลาดกันสักหน่อย เอาหลักๆที่ติดกันประจำจะมีสี่แบบ ส่วนฟิล์มชนิดอื่นอีกยิบย่อยที่ไม่ค่อยได้ติดกันจริงๆนั้นขอข้ามไปในที่นี้ก็แล้วกัน

1, ฟิล์มเคลือบสี ส่วนใหญ่เราจะเรียกกันว่าฟิล์มธรรมดา ราคาต่ำที่สุดในทุกตัว แต่คุณภาพในการกรองแสงที่ความถี่ต่างๆก็ต่ำไปด้วย

2. ฟิล์มปรอท  เป็นฟิล์มแบบที่เราเคยเห็นว่าสะท้อนแสงวิบวับแยงตาจนน่ารำคาญ ประสิทธิภาพดี แต่เนื่องจากใช้โลหะประเภทเงิน ทอง อะลูมิเนียม เคลือบไว้เป็นชั้นบางๆ มีผลให้การรับสัญญาณคลื่นโทรศัพท์ สัญญาณ GPS มีปัญหาได้อยู่หลายกรณีให้พบเห็น

3. ฟิล์มคาร์บอน เป็นตัวที่นิยมค่อนข้างมากเนื่องจากราคาจับต้องได้ ประสิทธิภาพกันแสงและคลื่นรังสีความร้อนทำได้ดีกว่าฟิล์มธรรมดาอยู่มาก มองด้านนอกก็ทึบแสงดี มองด้านในรถก็สามารถมองออกไปข้างนอกได้ชัดเจน

4. ฟิล์มเซรามิก เป็นเทคโนโลยีที่เรียกได้ว่าสูงที่สุดในตลาด เพราะว่าค่าการปกป้องรังสี คลื่นแสง คลื่นความร้อนทุกอย่างทำได้ดีสูงที่สุด เนื่องจากว่าแรกเริ่มเดิมทีเขาใช้เซรามิกเคลือบบนกระจกโดยตรงสำหรับใช้งานบนยานอวกาศ ก่อนที่จะมีการพัฒนาให้สารนาโนเซรามิกมาเคลือบอยู่บนแผ่นฟิล์ม 

แล้วจะเลือกฟิล์มรถยนต์ ยังไงดีแค่คิดก็ปวดหัวแล้ว

เอาจริงๆแล้วเราๆท่านๆที่ปวดหัวเรื่องยี่ห้อฟิล์มนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมาก หลักๆก็คือกลัวว่าติดแล้วจะร้อน ติดแล้วจะไม่สวย ติดแล้วจะมองไม่เห็น และสำคัญคือติดแล้วกลัวไม่คุ้มราคาค่าตัวเงินที่เสียไป ดังนั้นมาเคลียร์กันทีละเรื่องดีกว่า

ติดแล้วร้อน ไม่ต้องกังวลเพราะฟิล์มแต่ละยี่ห้อจะต้องมีค่าการกันความร้อนต่างๆแสดงให้เราเห็น  ดังนี้ 

  1. ค่าป้องกันรังสีอินฟราเรด (IR) รังสีอินฟราเรดเป็นหนึ่งในรังสีที่มาพร้อมกับแสงอาทิตย์ ตัวนี้แหละที่ทำให้เกิดความร้อน หากว่าค่าสูงแสดงว่ากันความร้อนได้ดีกว่า
  2. ค่าป้องกันรังสียูวี (UV) กันรังสีอินฟราเรดได้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกันยูวีได้ด้วย ยูวีทำให้ผิวดำคล้ำ ตกกระ และเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังด้วย ยิ่งค่าสูงก็แสดงว่ากันได้มากกว่า

ติดแล้วกลัวมืด หรือกลัวว่าจะมองไม่เห็น ติดฟิล์ม รถยนต์ กี่เปอร์เซ็นต์ดีโดยทั่วไปร้านจะให้เกรดความเข้มฟิล์มให้เราเลือก สามตัว คือ 80% 60% และ 40% ยิ่งมีค่ามากยิ่งกันแสงได้มาก 

หลักในการเลือกก็คือว่า ด้านหน้าไม่ควรมืดเกินไป เพราะแม้จะเป็นฟิล์มเซรามิก ถ้าติดด้านหน้าความเข้ม 80% ยังไงตอนกลางคืนก็ต้องมืด ทำให้ทัศนวิสัยไม่ดีเท่าติด ฟิล์มความเข้ม 60% หรือ 40% ส่วนด้านข้างและหลังสามารถเลือก 60% หรือ 80% ก็ได้ตามใจชอบ 

ส่วนคนที่ห่วงเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่มากๆ ให้ติดด้านหน้า 40% กระจกข้างประตูคนขับและที่นั่งข้างคนขับติด 60% เพื่อให้สามารถมองกระจกข้างได้ถนัดแม้ในยามค่ำคืน ส่วนด้านหลังจะติด 60% หรือ 80% ก็แล้วแต่ชอบ ส่วนใครกลัวจัดๆ ขอแนะนำ 40% รอบคันไปเลยจะได้ไม่ต้องมาหงุดหงิดทีหลัง

ก็ยังกังวลอยู่ดีว่าจะติดฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ราคาเท่าไหร่ดี

ข้อนี้ไม่ยากเลย ถ้าท่านมีเงินมากพอติดฟิล์มเซรามิกดีแน่นอน เพราะฟิล์มเซรามิกคือสามารถทำความเข้มได้สูง กันความร้อนได้สูง ในขณะที่สามารถมองออกไปด้วยทัศนวิสัยที่ดีได้ สรุปง่ายๆก็คือโดดเด่นด้านความเป็นส่วนตัว ส่วนยี่ห้อไหนดีกว่ากันให้ดูที่ค่าต่างๆที่ว่ามาข้างต้น แต่ถ้างบจำกัดก็ต้องกลับมาดูที่วงเงินของท่าน ถ้าหากเล่นระดับฟิล์มเซรามิกไม่ไหวจริงๆ ฟิล์มคาร์บอนก็เป็นอะไรที่ดีพอสมควรแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดกลับไม่ใช่ยี่ห้อ แต่เป็นการรับประกันหลังการขายว่า ร้านสามารถออกใบรับประกันเป็นหลักฐานและมีระยะเวลารับประกันนานจนน่าพอใจหรือเปล่า 

สุดท้ายเลือกฟิล์มต้องให้เหมาะสมกับชีวิตเราเอง หากไปทำงานเช้าไปเย็นกลับ 1-2 ชั่วโมง ถ้าไม่รักจริงๆจะติดฟิล์มแพงๆไปทำไม แต่ถ้าท่านขับรถรับจ้าง ฟิล์มดีๆก็ติดไปเถอะในเมื่อเราใช้ชีวิตอยู่ในรถมากกว่าอยู่นอกรถก็ต้องสบายสักหน่อยจริงมั้ย

อ่านเพิ่มเติม: เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ เครื่องเสียงรถยนต์

Related Posts

Leave a Comment