
ในยุคปัจจุบันการใช้ รถยนต์ ถือเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เราได้พบเจอกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ระหว่างการขับขี่ได้อีกด้วย ซึ่ง
7 อะไหล่ที่เปลี่ยนบ่อย ตลอดจนต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อดูแลเป็นพิเศษมีดังนี้
- น้ำมันเครื่อง
เพราะส่วนของเครื่องยนต์เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ รถยนต์ ของเราเดินทางได้อย่างราบรื่น ด้วยเหตุนี้ น้ำมันเครื่องจึงเป็นหนึ่งใน อะไหล่รถรถยนต์ ที่ต้องเปลี่ยนบ่อยมาก ซึ่งระยะการเปลี่ยนจะอยู่ที่ 5000 ถึง 10,000 กิโลเมตรหรือประมาณหกเดือนโดยเฉลี่ย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน
- น้ำมันเกียร์
แน่นอนว่าระบบเกียร์เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ต้องใช้น้ำมันในการขับเคลื่อน ซึ่งภายในระบบเกียร์มีชิ้นส่วนที่ประกอบด้วยโลหะจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ ดังนั้นหากไม่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์หรือปล่อยให้น้ำมันเสื่อมสภาพก็จะสร้างปัญหาให้กับรถของเราได้ไม่น้อย ดังนั้นระยะที่เหมาะสมในการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์คือ 20,000 ถึง 40,000 กิโลเมตร
- ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง
สำหรับไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง ทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ติดมากับน้ำมันไม่ให้เข้าเครื่องยนต์ ซึ่งหากเราไม่เปลี่ยนตัวไส้กรอง ก็อาจทำให้ไส้กรองอุดตันและส่งผลให้แรงดันส่งน้ำมันไปยังเครื่องยนต์ได้ไม่เพียงพอ จนทำให้รถสตาร์ทติดยาก หรือเกิดการกระตุกได้ ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนไส้กรองทุก 2 ปีหรือ 40,000 กิโลเมตร
- ผ้าเบรก
โดยปกติแล้วผ้าเบรกควรเปลี่ยนทุก ๆ 50,000 ถึง 70,000 กิโลเมตร เพื่อให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถึงอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับระยะการใช้งานของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน หากเราพบว่าระบบเบรกทำงานผิดปกติก็ควรรีบตรวจสอบทันทีเพื่อให้การขับขี่บนท้องถนนของเราปลอดภัย
- ไส้กรองอากาศ
ไส้กรองอากาศทำหน้าที่ช่วยดักจับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้เข้ามาภายในตัวเครื่องยนต์ ซึ่งไส้กรองชิ้นนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของรถ และหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ ดังนั้นเราจึงควรเปลี่ยนไส้กรองทุก ๆ 3000 ถึง 5000 กิโลเมตรจึงจะดี
- หัวเทียน
หัวเทียนควรเปลี่ยนทุก ๆ 40,000 กิโลเมตร ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนเองได้ ดังนั้นหากรถเกิดอาการสั่น สะดุดหรือทำงานผิดปกติ ก็ควรเช็กให้ดีเพื่อให้การใช้งานรถของเราเป็นไปได้ด้วยดีตลอดเส้นทาง
- แบตเตอรี่
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่โดยปกติจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1-5 ปี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของแบตเตอรี่ และการใช้งานของเราด้วยเช่นกัน ซึ่งหากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งาน จะส่งผลให้รถสตาร์ทไม่ติด รวมถึงระบบไฟภายในมีปัญหา ดังนั้นหากอยากให้รถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพควรตรวจสอบเรื่องแบตเตอรี่อยู่เสมอ
นอกจากนี้ก็ยังมี อะไหล่รถรถยนต์ เช่น หลอดไฟ สายพาน และที่ปัดน้ำฝน ที่ควรตรวจสอบ ทั้งนี้ก่อนออกเดินทางทุกครั้งเราก็จำเป็นต้องตรวจสอบอะไหล่และอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถยนต์ เพื่อให้ รถยนต์ ของเราใช้งานได้อย่างปลอดภัยและไร้ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการขับขี่
อ่านเพิ่มเติม: เจิมรถ ใหม่