
แบตเตอรี่รถยนต์สำคัญต่อการเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งปัจจุบันมีแบตเตอรี่หลายประเภท เช่น แบตเตอรี่น้ำ แบตเตอรี่แห้ง แบตเตอรี่MF ฯลฯ ซึ่งมีอายุการใช้งานและการดูแลต่างกันไป หากคุณอยู่ระหว่างการเดินทางแล้วรถยนต์ดับ สตาร์ทไม่ติด ต้องขอความช่วยเหลือวิธีจั๊มสตาร์ทรถยนต์จากรถที่สัญจรไปมาอยู่ข้าง ๆ แล้ว สิ่งที่ควรต้องทำอย่างแรกคือการจั้มแบตเตอรี่ ซึ่งต้องเรียนรู้วิธี จึงจะทำได้อย่างปลอดภัย ดังนี้
ขั้นตอนที่ถูกต้องของ การจั๊มสตาร์ทรถ ยนต์
1. ต้องดับเครื่องยนต์เป็นการหยุดการทำงานของระบบไฟฟ้าทุกชนิดในรถก่อน
2. ขยับรถคันที่มาช่วยเหลือ ให้ใกล้พอจะพ่วงแบตเตอรี่กันได้สะดวก
3. เตรียมสายพ่วงแบตเตอรี่ โดยนำปลายข้างที่เป็นสีแดงหรือขั้วบวกต่อที่รถคันที่แบตเตอรี่หมดก่อน แล้วค่อยต่อกับคันที่แบตเตอรี่ปกติ
4. นำสายพ่วงแบตเตอรี่ขั้วลบที่เป็นสีดำต่อกับคันที่แบตเตอรี่ปกติก่อน แล้วจึงต่อโดยตรงกับส่วนโลหะของรถคันที่แบตเตอรี่หมด (ห้ามต่อที่ขั้วลบ)
5. ให้รถคันที่ปกติสตาร์ทเครื่องและเร่งเครื่องยนต์เล็กน้อยทิ้งเวลาไว้ 2-3 นาที ห้ามสตาร์ทรถพร้อมกันทั้งสองเครื่อง ต้องรอเวลาให้ประจุไหลจากรถคันที่ปกติไปสู่รถที่มีปัญหาเสียก่อน
6. สตาร์ทรถคันที่แบตเตอรี่หมด ลองเร่งเครื่องเพื่อทดสอบว่าประจุไหลเข้ามาในแบตเตอรี่เรียบร้อยแล้วหรือยัง
7. ถ้าแบตเตอรี่ทำงานได้ดีขึ้นเป็นปกติแล้ว ให้ถอดสายพ่วงตามลำดับ คือ ถอดที่จุดพ่วงขั้วลบก่อนขั้วบวก
8. ถอดสายพ่วงสีดำจากคันที่แบตเตอรี่หมดก่อน แล้วค่อยถอดปลายสายขั้วลบออกจากคันที่แบตเตอรี่ปกติ
9. ถอดสายขั้วบวกจากรถคันที่แบตเตอรี่ปกติ ตามด้วยถอดสายขั้วบวกออกจากรถคันที่แบตเตอรี่หมด
10. ให้เร่งนำรถคันที่แบตเตอรี่หมดไปที่ศูนย์เพื่อเช็คหาสาเหตุหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่แทน
สิ่งที่ต้องระวังสำหรับการจั้มแบตเตอรี่ด้วยตัวเอง ก็คือ
1. ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมกันทั้ง 2 คัน
2. ห้ามจุดบุหรี่หรือไฟแช็คระหว่าง การจั๊มสตาร์ทรถ เพราะอาจจะเกิดประกายไฟที่เป็นอันตรายได้
3. ห้ามให้สายพ่วงแบตเตอรี่สัมผัสกันเพราะจะเกิดไฟฟ้าลัดวงจรเป็นอันตรายได้
4. ห้ามสลับสายกันหรือทำผิดลำดับ เพราะจะทำให้วงจรไม่ครบหรือไฟฟ้าลัดวงจรได้
การจั๊มสตาร์ทรถ ยนต์เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ควรเรียนรู้ เพราะอาจต้องทำในภาวะฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ต้องทำด้วยความระมัดระวังในหลายขั้นตอนเพื่อความปลอดภัยต่อตัวคนและรถยนต์ทั้งสองคัน ทั้งนี้ สิ่งที่ช่วยป้องกันได้ก็คือ การหมั่นตรวจเช็คแบตเตอรี่รถยนต์เป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนเดินทางไกล และควรนำรถไปเข้าศูนย์ตามระยะเพื่อตรวจสอบความผิดปกติของเครื่องยนต์ ที่ครอบคลุมทั้งแบตเตอรี่และส่วนอื่น ๆ ด้วย
อ่านเพิ่มเติม: วิธีซ่อมบำรุงรถขั้นพื้นฐาน มีอะไรบ้าง 2022